รวมเอ็นดิ้งเมนต์ ฟรีคอนเสิร์ต BTS: Yet To Come in BUSAN

จบลงไปแล้วกับ ฟรีคอนเสิร์ต BTS ‘Yet To Come in BUSAN’ สนับสนุนการประมูลเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก 2030 ณ พูซัน ประเทศเกาหลีใต้ ดึงดูดผู้ชมจาก 229 ประเทศ/ภูมิภาคทั่วโลก เป็นผู้ชมราว 50,000 ราย ณ สนามกีฬา Busan Asiad Main Stadium, ผู้ชมกว่า 12,000 รายที่ที่ที่จอดรถกลางแจ้งท่าเรือนานาชาติพูซันและหาดเฮอุนแด ซึ่งเป็นสถานที่รองรับการถ่ายทอดสด (LIVE PLAY) และผู้ชมจากทั่วโลกอีกกว่า 49.07 ล้านรายทาง Weverse นอกจากนั้นยังทำเรตติ้งถึง 3.251% ทางสถานี JTBC (เกาหลี)

Image Courtesy of Big Hit Music

คอนเสิร์ตนี้เป็นคอนเสิร์ตแรกที่เกาหลีในรอบ 3 ปีที่ BTS ได้จัดอย่างเต็มรูปแบบโดยที่ผู้ชมสามารถส่งเสียงเชียร์ได้ หลังจากที่พวกเขาจัดคอนเสิร์ต BTS World Tour Love Yourself: Speak Yourself ที่กรุงโซลไปเมื่อเดือนตุลาคมปี 2019 ก่อนจะเกิดวิกฤตการณ์ระบาดใหญ่ในปี 2020 จนต้องยกเลิกเวิลด์ทัวร์ Map of the Soul ไป โดยก่อนจะดำเนินมาถึงฟรีคอนเสิร์ตที่พูซันในครั้งนี้ BTS ได้เปิดคอนเสิร์ตซีรี่ส์ Permission to Dance on Stage – Seoul ที่กรุงโซลไปเมื่อเดือนมีนาคม 2022 ที่ผ่านมาแล้ว แต่ก็เป็นคอนเสิร์ตไม่เต็มรูปแบบ เนื่องจากทางภาครัฐของเกาหลีใต้ยังไม่ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงนั้น เป็นเหตุให้ผู้ชมคอนเสิร์ตไม่สามารถส่งเสียงเชียร์ได้

ฟรีคอนเสิร์ต BTS ‘Yet To Come in BUSAN’ ในครั้งนี้ BTS จึงจัดเต็มจัดหนัก ยกขบวนมาทั้งเพลงเก่าและเพลงที่ไม่เคยทำการแสดงมาก่อนให้อาร์มี่และแฟนเพลง BTS จากทั่วโลกได้ชมกันอย่างจุใจ ได้แก่ เพลง MIC Drop, Run BTS, RUN, Save ME, 00:00 (Zero O’Clock), Butterfly, UGH!, Cypher Pt.3 Killer, Dynamite, Boy With Luv, Butter, Ma City, Dope, FIRE, IDOL, Epilogue: Young Forever, For Youth, Spring Day และ Yet To Come

ต่อไปเป็นเอ็นดิ้งเมนต์ช่วงท้ายในคอนเสิร์ต


j-hope: ผมรู้สึกว่าคำพูดแต่ละคำมีความหมายอย่างยิ่งเพราะนี่เป็นเมนต์สุดท้ายของคอนเสิร์ตที่พูซัน ก่อนอื่นเลยครับทุกคน ผมโหยหาช่วงเวลานี้อย่างยิ่งเลยครับ ผมได้ออกอัลบั้มโซโล่เป็นคนแรก แต่ระหว่างที่ทำงานเดียวผมกลับรู้สึกถึงที่ว่างของเมมเบอร์ทั้ง 6 คน เมื่อผมมีเมมเบอร์ทั้ง 6 อยู่ด้วยจึงรู้สึกได้ความกระปรี้กระเปร่ากลับมาและรู้สึกว่ามีเอเนอร์จี้ครับ ดังนั้นระหว่างที่เตรียมคอนเสิร์ตพูซันครั้งนี้ ผมจึงรู้สึกตื้นตันด้วยความรู้สึกโหยหาขึ้นมาอยู่เรื่อย ๆ และรู้สึกแปล๊บ ๆ นิดนึงด้วยครับ แต่ความจริงแล้วในขณะที่ผมพูดว่าโหยหาแบบนี้ แล้วทุกคนล่ะจะโหยหาขนาดไหน จะอยากดูคอนเสิร์ต BTS กันขนาดไหน ผมรู้สึกโล่งใจอย่างยิ่งเลยครับที่ได้มาแสดงคอนเสิร์ต ณ ที่ตรงนี้ นอกจากนั้นพวกเรายังตั้งใจเตรียมการแสดงเพลง Run BTS มาให้ได้ชมกันเป็นครั้งแรก และลองทำออโต้ทูนด้วย มันเป็นคอนเสิร์ตที่เราเตรียมอะไรมาหลาย ๆ อย่างเพื่อมอบความสนุกสนานให้ผู้ชมทุกคนได้มากขึ้นอีกนิด พอได้ปลดเปลื้องสิ่งต่าง ๆ ออกมาในคอนเสิร์ตสมกับที่รู้สึกโหยหา ในใจผมจึงรู้สึกโล่งใจครับ

ผมอยากพูดถึงอนาคตด้วยครับ ความจริงแล้ว ผมคิดว่าเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องอาศัยความเชื่อมั่น เป็นช่วงเวลาให้ทั้ง BTS และอาร์มี่ได้ลองวาดภาพอนาคตด้วยความเชื่อมั่นของพวกเรากับทุกคนที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ผมขอขอบคุณแฟน ๆ มากมายและผู้ชมทั่วไปทุกท่านมาก ๆ เลยครับที่มาดูคอนเสิร์ตพูซันครั้งนี้ อยากบอกว่ารักด้วยครับ

Jimin: วันนี้สนุกกันไหมครับทุกคน พอคิดว่าคอนเสิร์ตจบลงก็แอบเสียดายไม่น้อยเลยครับ แต่คอนเสิร์ตของพวกเราไม่ได้มีแค่วันนี้วันเดียวและพวกเราก็จะยังคงเดินหน้าต่อไป เพราะฉะนั้นอย่าเสียดายไปเลยนะครับ แล้วก็ขอขอบคุณจริง ๆ นะครับที่อวยพรวันเกิดให้ผม ผมดีใจจังครับที่ผมได้เกิดมา ผมอายุมากขึ้นอีกหนึ่งปีแล้ว ช่วงนี้เลยคิดอยู่บ่อย ๆ เลยว่าไม่อยากจะอายุมากขึ้นเลย พอคิดว่าอยากจะแสดงคอนเสิร์ตด้วยภาพลักษณ์แบบนี้แก่ทุกคนไปนาน ๆ ก็ไม่อยากจะอายุมากขึ้นเลยครับ

ช่วงนี้ผมมีเวลาพูดคุยกับทุกคนเยอะมาก พอมาเห็นวันนี้ก็รู้สึกเลยครับว่า นอกเหนือจากที่ไม่อยากอายุเพิ่มมากขึ้น ผมก็อยากรู้เหลือเกินว่า 10 ปีหลังจากนี้พวกเราจะเป็นยังไง ผมว่าที่เรามาจนถึงตอนนี้เหมือนแค่ลิ้มรสเอง เราต้องไปกันต่ออีกสิครับ! อีก 30 ปี! 40 ปี! (Jung Kook: ต้องไปเซ่! มั่นใจป๊าว? / Jimin: มั่นใจเซ่!) 70 ปี… บังทันบอยส์.. (j-hope: เป็นวัยที่จะพูดว่าบอยส์ยังรู้สึกกระดากเลย 55 / SUGA: ต้องบังทันสูงวัยแล้วล่ะ ถ้า 70 อ่ะ) วันนี้ผมมีความสุขมาก ๆ อย่างที่คาดคิดเลยครับว่าเวลาอยู่กับทุก ๆ คนนี่แหละที่เราเป็นตัวเราที่สุด และมีความหมายมากที่สุด หวังว่าจะได้เจอกันอีกไว ๆ นะครับ ขอขอบคุณทุกคนที่มามาก ๆ เลยครับ

RM: วันนี้ผมไม่อยากพูดเป็นคนสุดท้าย ผมอยากได้ลำดับไหนก็ลำดับนั้น ผมก็เลยได้พูดตอนนี้ครับ พวกเราไม่เจอกันมานานแล้ว ผมก็เลยไปตัดผมมาเพราะอยากจะดูดีให้ทุกคนเห็น พวกเรายังไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะครับ วันนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ผมขึ้นเวทีมาโดยที่ไม่ได้คิดว่าจะพูดอะไรสำหรับเอ็นดิ้งเมนต์ หลังจากคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2019 พวกเราไม่ได้เล่นคอนเสิร์ตจริง ๆ จัง ๆ มาตลอด 3 ปี ขอบคุณนะครับที่รอคอยกันมาตลอด 3 ปี ด้วยความที่เป็นคอนเสิร์ตแบบยืน ย่อมต้องมีส่วนที่ขาดตกบกพร่องไป ตอนแสดงเพลง IDOL พวกเราต้องเวียนไปหาทุกคนด้านข้าง แต่เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัยทำให้เราไม่สามารถไปได้ ผมก็เลยรู้สึกไม่สบายใจเลยครับ

ถึงผมจะไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่ผมเชื่อว่าทุกคนทราบอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะมีเรื่องราวใด ๆ เกิดขึ้นตรงหน้าเรา BTS ทั้ง 7 คนก็ยังใจเดียวกัน หากทุกคนเชื่อมั่นในตัวเรา ไม่ว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม เราก็จะยังดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง เราจะทำเพลงและการแสดงอย่างมีความสุขกับทุกคนต่อไป เพราะฉะนั้นก็อย่างที่โฮซอกพูดไว้เมื่อสักครู่ครับว่า ขอให้มีความเชื่อมั่นในตัวเราไว้ครับ หวังว่าจะได้รับความทรงจำในวันนี้กลับไปอย่างมีความสุขนะครับ ขอขอบคุณที่รอคอยพวกเรามาตลอด 3 ปี และสนุกไปกับพวกเราครับ

Jung Kook: นัมจุนฮยองบอกว่าวันนี้ขึ้นเวทีมาแบบไม่ได้คิดอะไร ส่วนผมนั้นปกติแล้วไม่ได้คิดอะไรเลยครับ ขอโทษด้วยนะคร้าบ! พวกเราเป็นศิลปินมาเข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว ระหว่างที่ทำการแสดงวันนี้ ผมที่ไม่ได้คิดอะไรก็ได้นึกถึงสิ่งต่าง ๆ ในช่วงเวลานี้ที่ผ่านมา 10 ปี ผมได้นึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัดจวบจนถึงตอนนี้ ซึ่งผมก็ไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเมมเบอร์เลย ผมอยากบอกพวกเขาว่าขอบคุณนะครับ ผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาระหว่างทำการแสดงจริง ๆ ครับ มันน่าทึ่งจริง ๆ นะ มีอยู่แวบนึงเลยที่ผมไม่อยากจะเชื่อว่าผมได้มาพูซัน บ้านเกิดของผม และอยู่ร่วมกับอาร์มี่มากมาย เรียกว่าสมองผมหยุดทำงานไปแวบนึงได้มั้ยนะ ผมนึกถึงอาร์มี่อยู่หลายครั้งแต่ก็นึกถึงเมมเบอร์บ่อยมาก ๆ เลย วันเวลากว่า 9 ปี 10 ปี ที่ผ่านไปมาจนถึงตอนนี้ ก็มีช่วงที่ผมเหนื่อยและอยากเลิกเหมือนกัน ทุกทีที่เกิดความรู้สึกแบบนั้นก็มีเมมเบอร์ที่คอยจับผมไว้อยู่ข้าง ๆ ผมถึงยืนอยู่ตรงนี้ได้ ทุกคนครับ พี่ ๆ BTS ครับ จนถึงตอนนี้ ผมไม่ได้พูดในความหมายที่ว่ามันจะจบลงแล้ว แต่หมายความว่าเราจะมุ่งหน้าไปอีกในอนาคตครับ ก็เหมือนกับที่จีมินฮยองพูดนั่นแหละครับว่า เราอยากจะใช้เวลาอยู่กับทุกคนไปอีก 10 ปี ขอบคุณนะครับ ผมมีความสุขมาก ๆ เลยที่ได้มาเล่นคอนเสิร์ตในวันนี้ที่บ้านเกิดของผมครับ

Jin: ระหว่างเล่นคอนเสิร์ตวันนี้… (อาร์มี่: คิมซอกจิน! คิมซอกจิน! / Jimin: นี่มันคนที่รับรางวัลสาขายอดนิยม1 จากงานประกาศรางวัลคนเดียวไม่ใช่หรอครับเนี่ย? / Jin: สงสัยพอเข้าวัย 30 แล้วสเน่ห์ความเป็นไอดอลที่แท้จริงมันออกมาล่ะมั้งครับ) ครับผม ก็.. ผมเกิดความคิดและความรู้สึกถึงอะไรหลายอย่าง อันดับแรก คอนเสิร์ตที่พวกเราวางไว้จัดขึ้นวันนี้เป็น(ครั้งแรกและ)ครั้งสุดท้าย ระหว่างที่นึกถึงว่าเมื่อไหร่จะได้เล่นคอนเสิร์ตแบบนี้อีก จะได้เล่นคอนเสิร์ตแบบนี้อีกไหม? ก็ทำให้ผมคิดว่าจะต้องทะนุถนอมช่วงเวลานี้เก็บไว้ให้มาก ๆ เราให้สัญญาว่าจะทัวร์ไว้แล้วนี่ เพราะฉะนั้นจะทัวร์อีกเมื่อไหร่ก็ได้ มีคอนเสิร์ตอีกเมื่อไหร่ก็จะมากันอีกใช่ไหมครับ? (อาร์มี่: ไปค่า! / Jin: ดีครับผม)

ความจริงแล้วคอผมไม่ดีมาตลอด 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเลยแทบจะไปอาศัยอยู่ในคลินิกหู คอ จมูกเลยครับ แล้วก็สวดมนต์หนักมากว่าขอให้คอกลับมาเป็นปกติทันคอนเสิร์ต ผมไม่มีเสียงจนถึง 10 นาทีก่อนคอนเสิร์ตเลยนะ เมื่อเช้านี้ก็ไปโดนให้น้ำเกลือมา กินยาอีก เมื่อวานก็ไปฉีดยามา.. และกินยามาตั้งหลายวันแล้ว.. แล้วก็ทำงานไม่ได้พักเลยสักวัน แบบโห.. โชคดีที่พอเข้าคอนเสิร์ตมาคอก็โอเคขึ้นครับ นี่มันฟ้าเป็นใจอย่างที่เขาว่ากันรึเปล่านะ?

ผมรู้สึกโชคดีจริง ๆ ครับที่ได้เจอทุกคน แล้วก็สิ่งที่จะเอ่ยถึงสุดท้ายนี้ ผมก็..อาจจะไม่ได้คาดคิดกัน แต่ผมจะปล่อยอัลบั้มโซโล่เป็นลำดับที่สองต่อจาก j-hope ครับ จริง ๆ แล้วพูดว่าเป็นอัลบั้มแต่มันไม่ได้ใหญ่โตอะไรครับ เป็นแค่ซิงเกิ้ลเฉย ๆ เลย โชคดีที่ผมมีคอนเน็กชั่นกับคนที่ผมชื่นชอบมาก ๆ ก็เลยได้ร้องเพลง ๆ นึง ตอนนี้ก็ถ่ายทำอะไรกันไปหลายอย่างแล้ว และเหลืองานที่ต้องถ่ายทำอีกในอนาคตด้วย ก็หวังว่าจะเพลิดเพลินกับผลงานของผมนะครับ คอนเสิร์ตวันนี้สนุกมาก ๆ เลย รักและขอบคุณนะครับ

SUGA: แม้ว่าคอนเสิร์ตที่พูซันครั้งนี้จะมีความยากลำบากมากมาย แต่สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็คือสิ่งผ่านไปแล้วนั่นล่ะครับ สิ่งสำคัญคือการที่ได้ทำด้วยความสนุกสนาน ระหว่างที่วางเซ็ตลิสต์กัน ช่วงเวลาต่าง ๆ ผ่านเข้ามาในความทรงจำเต็มไปหมดเลยครับ แต่ตอนนี้ผมก็รู้สึกโล่งใจมาก ๆ ที่ได้มาพบกับทุกคนถึงที่พูซันและมีโอกาสได้ยินเสียงเชียร์ ใครหลายคนบอกว่า ตอนนี้ ‘BTS เริ่มมีอายุแล้ว’ แล้วก็พูดอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย แต่นับตั้งแต่ที่พวกเราได้รางวัลแทซังมาก็ 6 ปีมาแล้ว พวกเราน่ะจะยืนอยู่ตรงนี้ไปอีก 10 ปี 20 ปีเลยครับ เรามาแก่เฒ่าไปด้วยกันนะครับทุกคน รักนะครับ

V: อาร์มี่ คิดถึงพวกเราไหมครับ? พวกเราคิดถึงอาร์มี่มาก ๆ เลยครับ ระหว่างที่เล่นคอนเสิร์ตนี้ ผมมีสิ่งที่สงสัยอยู่อย่างนึง ตอนที่พวกเรากินเลี้ยง (ช่วงครบรอบเดบิวต์ปีนี้) ทุกคนน้ำหูน้ำตาไหลพรากบอกว่าจะยุติกิจกรรมวงและเริ่มทำกิจกรรมเดี่ยวกัน แต่แล้วเราก็ได้มาเล่นคอนเสิร์ตกันแบบนี้อีกครั้ง ที่ตลกก็คือ… (SUGA: พวกเราไม่เคยบอกว่าจะยุติสักหน่อยนะ คนเขียนข่าวต่างหากที่บอกว่าเราจะยุติ / V: อ้าวหรอครับ? ข่าวออกมาแบบนั้นหรอ? ขอโทษครับผม / SUGA: ไม่ใช่ความผิดของพวกเราสักหน่อย) แต่สิ่งที่แวบเข้ามาในหัวผมก็คือ ถ้าอาร์มี่เห็นคอนเสิร์ตเราจะต้องตกใจอีกแน่เลย เพราะถึงแม้คอนเสิร์ตครั้งนี้จะมีเพียงครั้งเดียว แต่พวกเราก็เตรียมตัวกันมากมาย ท่าเต้นเพลง Run BTS ก็เล่นเอาเหนื่อย แถมยังแสดงเพลงใหม่ ๆ อีก ผมก็เลยคาดหวังอยากให้ทุกคนชื่นชอบกันครับ ชอบไหมครับ? ผมพูดอะไรยาว ๆ ปิดท้ายไม่เป็นน่ะ … ขอบคุณนะครับ (Jung Kook: จบแบบนี้เลยอ่ะนะ?) โพราเฮ

ที่มา | Newsen, Maekyung Daily, Yonhap
เขียน เรียบเรียง และแปลจากต้นฉบับคำพูดเกาหลีเป็นไทยโดย CANDYCLOVER

DMCA.com Protection Status

ทาง CANDYCLOVER มีความยินดีหากผู้อ่านเล็งเห็นประโยชน์ของคอนเทนต์นี้ และต้องการนำไปประกอบเอกสารหรือสื่อทางการศึกษา เผยแพร่ต่อบนโซเชียลมีเดีย รวมถึงนำไปผลิตของที่ระลึก เช่น Giveaway สำหรับแจกฟรี มิใช่การจัดจำหน่าย

หากต้องการนำข้อมูลไปใช้อ้างอิง กรุณาติดต่อทางอีเมลล์ bts.candyclover@gmail.com และรอการตอบกลับที่ระบุว่าอนุญาตแล้วเท่านั้น ยกเว้นกรณีการนำข้อมูลที่ “แปล เรียบเรียง หรือจัดทำโดย CANDYCLOVER” ไปรีโพสต์ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ รีโพสต์บนแฟนเพจ เว็บไซต์ หรือเว็บบอร์ด ที่มิใช่แพลตฟอร์มของ CANDYCLOVER พร้อมใส่เครดิตเองโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงนำไปเป็นคอนเทนต์ทางสื่อโทรทัศน์ หรือกระทำการใด ๆ ก็ตามที่เข้าข่ายแอบอ้างผลงาน หากพบเห็นจะดำเนินคดีทางกฎหมายให้ถึงที่สุด

หากท่านชื่นชอบคอนเทนต์ที่ CANDYCLOVER นำเสนอ สามารถให้การสนับสนุนพวกเราได้ง่าย ๆ เพียง 1.) ไม่สนับสนุนแอคเคาต์ที่แอบอ้างข้อมูลที่แปลโดย CANDYCLOVER 2.) รีพอร์ตแอคเคาต์ดังกล่าวผ่านระบบของแพลตฟอร์มที่ท่านพบเห็นโพสต์ที่เข้าข่าย โดยเลือกหัวข้อ “ละเมิดลิขสิทธิ์” 3.) สนับสนุนค่ากาแฟทาง Ko-fi หรือ Patreon

About the Author /

bts.candyclover@gmail.com

I go by the name Candy, a co-founder, admin, designer, translator, writer of and for CANDYCLOVER. I'm a graphic/UI designer and a self-taught Korean translator who's passionate about telling success stories of BTS in the form of mixed media from graphic to web-based experiences. Now, I'm also pursuing my career as a professional Korean translator. My recent book-length translation projects are: I AM BTS (TH Edition), BTS The Review (TH Edition) and more to come!

Post a Comment