Seoul — ความรัก ความเกลียดชัง และจิตวิญญาณ

“ทำไมแกถึงชื่อคล้าย soul ล่ะ มีจิตวิญญาณอะไรอยู่หรือไงกัน” เนื้อความในบทเพลง seoul ของ RM แห่ง BTS การแสวงหาหนทางแห่งความฝัน ไปพร้อม ๆ กับการแสวงหาเส้นทางการเติบโตทางด้านจิตวิญญาณ เกิดการ ครุ่นคิด สับสน รัก เกลียดชัง ความรู้สึกต่าง ๆ นานาเหล่านี้ที่ไม่ว่าจะเป็น RM leader แห่ง BTS หรือ ARMY มนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างเรา ต่างก็ต้องแสวงหาหนทางอันสงบให้กับจิตวิญญาณของตัวเอง เพื่อที่จะสามารถอาศัยอยู่ในสังคมที่วุ่นวายนี้ได้อย่างสงบใจ

ในวันที่อากาศในประเทศไทยของเราทะลุไปกว่า 40 องศา ความร้อนปกคลุม กลืนกินแม้กระทั่งสายลมที่พัดผ่าน จากสายลมเย็น ๆ กลับกลายเป็นไอร้อนที่พร้อมจะแผดเผาผิวหนังอันบอบบางของเรา ความร้อนที่เกิดจากความแปรปรวนของอากาศบวกกับความเหนื่อยล้าของร่างกายที่สะสมมานาน ส่งผลและมีอิทธิพลต่อ อารมณ์และความรู้สึกอย่างมาก ทำให้อารมณ์และความรู้สึกของเรานั้นแปรปรวนตามไปด้วยโดยอัตโนมัติ

ไม่รู้ว่าเพื่อน ๆ ARMY เคยเป็นเหมือนกันบ้างหรือเปล่า กับสถานการณ์ที่ต้องตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่อยากเอาอะไรแล้ว กับภาระและหน้าที่ที่กองอยู่ตรงหน้า อารมณ์ขุ่นมัวเลยเถิดไปถึงการบ่นออกมาว่า “ทำไมชีวิตมันยากจังวะ” สภาวะการแบบนี้ทำให้อารมณ์ แปรปรวน ง่ายกว่าปกติเลยว่าไหม สภาพอากาศที่ร้อนระอุบวกกับอารมณ์ที่แปรปรวนมาเจอกัน ความเข้มข้นของอารมณ์แปรปรวนเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว จนกระทั่งต้องหาเวลาทบทวนตัวเองกันเลยทีเดียว
ภาพจากแอคเคาต์ X (Twitter) ของ BTS (@BTS_twt)

เวลาที่อารมณ์ที่ขุ่นมัว ผู้เขียนรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ประสบภัยทางด้านการแปรปรวนของอารมณ์ตัวเอง จนกระทั่งต้องใช้เวลาในการจัดการมันออกไป ในจังหวะที่พยายามจัดการกับอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเอง ด้วยอารมณ์เบื่อ อารมณ์เซ็ง เปิดเพลงฟังวนไปเรื่อย ๆ ครั้งนี้ถือว่าได้ผล เพราะมาสะดุดกับเพลง Seoul ของ RM นึกถึงคำแปลของเพลงนี้ที่เคยได้อ่านมา บวกกับการได้มองออกไปยังนอกห้องทำงานเห็นสภาพอากาศร้อน ๆ ในเวลานี้ ทำให้ผู้เขียนนึกย้อนกลับไปเมื่อเดือนที่แล้ว

ครั้นที่ผู้เขียนได้มีโอกาสได้ไปสัมผัส บรรยากาศในกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทยเรา สิ่งแรกที่สัมผัสได้ก็คือ ลมแดดและไอร้อนจากพื้นคอนกรีตที่ลอยมาประทะกับร่างกาย สัมผัสถัดมาคือ ภาพอันแข็งกระด้างของตึกสูงเสียดฟ้ารอบ ๆ ตัว ท้องถนนที่ดูเหมือนจะร้อนรน และเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา สัมผัสที่ผู้เขียนรู้สึกถึงเป็นบรรยากาศที่ไม่อ่อนโยนต่ออารมณ์เลยก็ว่าได้ พลางคิดอยู่ในใจว่า นี่ถ้าฉันอยู่นานกว่านี้ต้องได้ร้องไห้หาบ้านแน่ ๆ เลย และถ้าต้องมาทำงานที่นี่เป็นปี ๆ ไม่เอาด้วยหรอก แน่นอนว่าที่มีความคิดแบบนี้เพราะว่า ตัวเองไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปอยู่ท่ามกลางเมืองหลวงแห่งนี้ก็เท่านั้นเอง

ภาพจาก Weverse

เท่าความคิด จากภาพในวันนั้นตัดมาที่ตัวเองในตอนนี้กลับคิดถึงบรรยากาศ นั้นในอีกมุมหนึ่งว่า คนที่สามารถทำงานท่ามกลางบรรยากาศทิวทัศน์อันแข็งกระด้างนั้นได้พวกเขาเก่งจังเลย ห้องเช่าที่คับแคบประหนึ่ง เหมือนถูกกักบริเวณ เขาก็ยังสามารถอยู่ได้ด้วยเช่นกัน ในขณะที่เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า คงจะมีหลายคนที่เขาเกลียดชังบรรยากาศแบบนี้ แต่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ เพียงเพราะเมืองหลวงแห่งนี้ สามารถทำเงินได้ดี และคงมีอีกไม่น้อยเช่นกัน ที่ถึงแม้จะเกลียดชัง บรรยากาศแบบนี้ แต่ก็หลงรักมันพร้อม ๆ กันได้ เพราะเมืองหลวงแห่งนี้เป็นแหล่งแห่งโอกาสของความฝัน ทั้งหลาย และคงจะมีอีกไม่น้อยเช่นเดียวกัน ที่ต้องการความสงบทางจิตใจท่ามกลางสังคมอันเร่งรีบและเร่งเร้าเช่นนั้น และยังคิดต่ออีกว่าจะมีสักกี่คนกันนะ ที่จะมีความสงบใจได้ในท่ามกลางศูนย์รวมแห่งความต้องการ พวกเขารับมือกับความทะลักของมวลข้อมูลต่าง ๆในเมืองหลวงแห่งนี้ได้อย่างไรกันนะ และในเวลาที่พวกเขาต้องเจอกับความเบื่อหน่ายและต้องเผชิญกับความเกลียดชังต่าง ๆ จะมีทางไหนบ้างนะที่สามารถรักษาจิตวิญญาณของตัวเองให้สามารถอยู่อย่างสงบได้ คำถามคือ พวกเขาสามารถรักษาความหวังท่ามกลางความแข็งกระด้างอันเย็นชาของเมืองหลวงแห่งนี้ได้อย่างสงบได้อย่างไรกันนะ? เพราะลำพังตัวผู้เขียนซึ่งไม่ได้มีภาระที่จะต้องรับผิดชอบมากมายพอเจอกับช่วงเวลาที่ขุ่นมัวยังเกิดความสับสน ยุ่งเหยิงถึงขนาดนี้ อย่างไรก็แล้วแต่ไม่ว่าการอาศัยอยู่ในเมืองหลวงคือสิ่งที่จำเป็น และต้องอยู่เพราะมีภาระอันหนักอึ้งที่ต้องแบกไว้ แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว พวกเขาเก่ง และเก่งมากด้วยที่สามารถใช้ชีวิตท่ากลางความโกลาหลนี้ได้ และยังสามารถจัดการตัวเองมาได้ถึงทุกวันนี้

ความคิดที่ไหลผ่านเข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้นึกถึงคำถามของนัมจุนในเพลง seoul ที่ว่า ทำไมแกถึงชื่อคล้ายกับคำว่าจิตวิญญาณจังล่ะ ? ซึ่งคำว่าจิตวิญญาณในภาษาอังกฤษ ได้ออกเสียงว่า soul นั่นเอง จะว่าไปแล้วบางครั้งการกลับมาทบทวนจิตใจของเรามักจะมีถ้อยคำมาสะกิด เราให้ได้ขบคิดจนกระทั่งเราได้คำตอบให้กับตัวเอง เหมือนอย่างกับที่นัมจุนได้นิยามความรู้สึกอันขุ่นมัวของตัวเอง ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายในกรุงโซล แต่เขาจำเป็นต้องใช้ชีวิตที่นั่นต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า หากว่ารักและเกลียดชังเป็นสิ่งเดียวกันฉันก็รักคุณมากเลยนะ หากว่ารักและเกลียดชังนั้นมีความหมายเดียวกันฉันก็เกลียดคุณเหลือเกิน สุดท้ายเราจึงสังเกตได้ว่า ในเวลานั้นจิตวิญญาณของเขาได้เติบโตขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว ด้วยเนื้อเพลงในท่อนที่ว่า เกลียดที่ต้องยอมรับ แต่ฉันก็รักกระทั่งเขม่าควันและกลิ่นเน่าเหม็นของแกเสียแล้ว เป็นประโยคที่เขาคงได้คำตอบให้กับตัวเอง เป็นจุดปลดล็อคความรู้สึกจากภายใน เพราะเขายอมรับสถานการณ์นั้นอย่างเข้าใจ ซึ่งเป็นการเข้าใจอย่างกระจ่างจากส่วนลึกในจิตใจของเขาเอง และด้วยตัวเอง

และจากความขุ่นมัวที่เกิดขึ้นในจิตใจครั้งนี้ของผู้เขียน ผู้เขียนก็มีคำหนึ่งคำที่สะกิดให้ผู้เขียนกลับมาเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้งด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งคำนั้นก็คือคำว่า แปรปรวน เกิดความเข้าใจว่าทำไมเราจึงใช้คำนี้ กับสภาพอากาศและใช้กับอารมณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น คงเป็นเพราะ คำว่า แปรปรวน คือสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ เพียงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น และสุดท้ายมันจะผ่านไป เรามีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือ ยอมรับและทำความเข้าใจความแปรปรวนที่เกิดขึ้นแค่นั้นเอง เลือกที่จะยอมรับอและกลับมาควบคุมจิตใจของตัวเอง สิ่งที่ผู้เขียนจะต้องทำก็คือ พร้อมรับมือกับอารมณ์ที่แปรปรวนของตัวเอง รับมือกับความแปรปรวนนั้นด้วยความอ่อนโยนใจ เมื่อความแปรปรวนสงบลงความขุ่นมัวออกจากหัวใจได้เมื่อนั้นพื้นที่ความสงบของจิตใจก็จะกลับมาทำงานตามปกติ ความแปรปรวนทางอารมณ์เกิดขึ้นได้เสมอแต่มันก็จะผ่านไปได้เสมอด้วยเช่นกัน

ภาพจาก Weverse

ความเหนื่อยล้าของร่างกายกับความขุ่นมัวทางด้านจิตใจเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องได้รับการใส่ใจและให้เวลากับมัน เหมือนกับที่เราต้องการใครสักคนคอยรับฟังเรื่องราวที่อยากจะระบายออกมา เพราะว่าเรามีทั้งข้อจำกัดทางด้านร่างกาย และจิตใจก็มีมุมที่เปราะบางเกินกว่าที่เราคิดไว้อีกด้วย การได้ใช้เวลากลับมาปรับอุณหภูมิของจิตใจให้มีความสม่ำเสมอจึงจำเป็น เพราะจิตวิญญาณเองคงจะต้องการการเฝ้าดูแลและรับฟังจากตัวของเราเอง เส้นทางแห่งจิตวิญญาณเป็นเส้นทางที่ซับซ้อนยากที่จะเข้าใจ กับการใช้ชีวิตทั้งเพื่อน ๆ ARMY และตัวผู้เขียนเองคงจะต้องใช้เวลาในการแสวงหาหนทางด้านจิตวิญญาณกันต่อไป หวังว่าเราจะสัมผัสความสงบใจท่ามกลางความโกลาหลในตัวเองได้ในสักวัน

“สู้ ๆ นะทุกคน สู้ ๆ นะตัวฉัน”

แปลเพลงโดย: CANDYCLOVER

ภาพจาก : Twitter @bts_bighit / Weverse
เขียนโดย : I AM LUCKY 23

About the Author /

sugadalek07@gmail.com

Post a Comment