ด้วยรัก จาก Agust D 

แปลบทความจาก weverse magazine; From Agust D with love

สำรวจเส้นทางดนตรีของ SUGA ด้วยปากกาของ Agust D

เริ่มต้นกับ SUGA สมาชิกวง BTS เมื่อใดที่เขาโปรดิวซ์เพลงให้กับศิลปินอื่นนอกจากตัวเองและวง BTS ชื่อเพลงจะมีเครดิตต่อท้ายว่า “Prod. SUGA” และต่อมาก็ Agust D ตัวตนที่สอง ซึ่งปรากฏตัวในมิกซ์เทปทั้งสองของเขา Agust D และ D-2 เช่นเดียวกับอัลบั้ม D-DAY  ในฐานะ Agust D เขาเขียนบันทึกชีวิตฉบับเต็มของ SUGA วง BTS, SUGA ที่เป็นโปรดิวเซอร์ และมินยุนกิที่เป็นคนทั่วไปขึ้นมา  ในปี 2016 หลังจากวง BTS เริ่มประสบความสำเร็จแบบฉุดไม่อยู่กับอัลบั้มปี 2015 The Most Beautiful Moment in Life SUGA ก็ส่ง Agust D ออกมา สำรวจชีวิตของเขาตั้งแต่ “เข้ามากรุงโซล วันที่ 1 พฤศจิกายน 2010” (“724148”) กระทั่งเขาพบ “ความสำเร็จที่แม้แต่ครอบครัวก็ไม่อาจคาดคิด”  (“give it to me”) เมื่อเขาปล่อย D-2 ออกไปในอีก 4 ปีต่อมา เขาก็กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกและเรียกตัวเองว่าคนที่อาจจะ “เกิดในตมแต่ผงาดอย่างมังกร” (“Daechwita”) ในช่วงเวลานั้น—ย้อนกลับไปยังช่วงต้นของวันที่ 3 พฤษภาคม 2014 ก่อนที่ The Most Beautiful Moment in Life จะยังมาไม่ถึง—SUGA ในฐานะ Agust D กล่าวว่าเขา “ทำเหมือนไม่โดดเดี่ยว ไม่ทุกข์ร้อน ไม่เป็นไร ทำอย่างกับว่าแข็งแรงดี ในขณะที่มีกำแพงขวางทางอยู่” (“140503 at dawn”) เขามาถึงยุค D-2: เมื่อ “การเปลี่ยนแปลงมาถึงทุกคน” รวมถึงตัวเขาเอง กับ “ความว่างเปล่าเพราะบินสูง” (“Moonlight”)—บนชื่อเสียงระดับสุดลูกหูลูกตา เขาเฝ้ามองตัวเองเป็นอย่างดีทุกอัลบั้มในฐานะ Agust D—อัลบั้มที่สุดท้ายวางภาพที่ที่เขาเริ่มต้นและคนที่เขากำลังจะเป็น

“มันมีเวลาที่คุณเหน็ดเหนื่อยและรู้สึกยากลำบาก” SUGA เล่าเกี่ยวกับ “People” จาก D-2 ในสารคดี SUGA: Road to D-DAY ซึ่งฉายทาง Disney+ และ Weverse วันที่ 21 เมษายน “และนั่นก็เป็นตอนที่ผมฟังเพลง และร้องไห้หนักมาก” การเดินทางจาก Agust D มาถึง D-2 โดยเฉพาะช่วง “People” เป็นหลักฐานการเปลี่ยนแปลงที่ชีวิตของเขาเผชิญมาในช่วงเวลานั้น เขาสารภาพใน “The Last” จาก Agust D ว่าเขาทรมานจาก “การเกลียดชังตัวเองและอาการซึมเศร้าที่กลับเข้ามาเยือน” จัดการกับ “อุบัติเหตุตอนเป็นเด็กส่งของ” เช่นเดียวกับการ “เดบิวต์โดยกุมไหล่ที่แ-่งแตกเป็นเสี่ยงๆเอาไว้” เหมือนที่เขาเล่าในสารคดีว่าเขา “แสดงสิ่งที่ผมกังวลจริงๆออกไป” ใน Agust D  แม้ฝันแห่งความสำเร็จดูเหมือนจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้วก็ตาม ไหล่ของเขาก็ยังคงเจ็บปวดอยู่ดี และความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขาเคยแบกมาจากตอนเดบิวต์จนประสบความสำเร็จคงนำมาซึ่งสิ่งที่เขาใช้คำว่า “น่าวิตกกังวล” แต่ตอนที่เขียนเพลง “People” ฟังดูเหมือนเขารู้สึกดีขึ้นมาก: “ทำไมซีเรียสนักล่ะ? …ฉันหรอซีเรียส?” ปัญหาไม่ได้หายไปแม้คุณกลายเป็นคนดัง: “บางครั้งมันเจ็บจริงๆ บางครั้งก็หงุดหงิดมากจนจะร้องไห้” แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือตอนนี้ SUGA โอบกอดมัน “มีมุมมองมากมาย” และเขาก็ “เป็นแค่คนอีกคน” ถึงแม้จะประสบความสำเร็จมากมายมหาศาล เขาได้รับเกียรติยศที่เคยปรารถนามาแล้วแต่ตอนนี้กลับคว้าเอา “เราต่างต้องจากไป” และ “ไม่มีอะไรในโลกคงอยู่ชั่วนิรันดร์”

“People” จารึกจุดเปลี่ยนสำคัญของไตรภาค Agust D เอาไว้ จาก “People” และอีกสองเพลงรวมถึง “Interlude: Set me free” เพลงสุดท้ายในอัลบั้ม D-2 และ “Dear my friend” เรื่องราวแสนเศร้าของเขาและเพื่อนคนหนึ่ง จุดนี้เขาให้ความสำคัญกับการเผยอดีตอย่างใน Agust D น้อยลง แล้วแรปว่า “-ูแ_่งยังเกลียด_ึงอยู่ดี” สู้กับเสียงคีย์บอร์ดที่สุขุมลุ่มลึกแทน ในอัลบั้ม D-2 SUGA พรรณนาถึงคำว่า “People” อย่างแท้จริง เขาทั้งเข้าใจและยอมรับมันผ่านทัศนคติเฉพาะตัว และขณะเดียวกันก็ไม่ได้มองย้อนกลับไปในอดีตด้วยความโกรธเคืองอีกแล้ว เขาก้าวไปอีกขั้นและตระหนักได้ว่า แม้แต่ความนิยมอันสูงลิ่วของเขาก็อาจไม่คงอยู่ตลอลกาล และมันทำให้เขามองดูตัวเองได้อย่างสุขุมมากขึ้น Road to D-DAY เป็นทั้งการสำรวจดนตรีที่ SUGA เป็นคนทำในขณะเตรียมอัลบั้มและการค้นหาความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่า เขากังวลเกี่ยวกับสิ่งที่จะพูดในอัลบั้ม D-DAY แต่เขาก็ทำเพลงต่อไปตั้งแต่ต้นจนจบและวางแผนไปเจอคุณ Ryuichi Sakamoto ผู้ล่วงลับเพื่อหาหนทางในฐานะนักดนตรี เหตุใดเขายังคงแสวงหาการเป็นศิลปินในเมื่อเขาได้ทุกอย่างซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จบนโลกใบนี้มาแล้วอย่างแท้จริง? SUGA ได้เดินออกจากการคิดบัญชีอดีตของเขาใน Agust D มาสู่การค้นหาทัศนคติใหม่ต่อตัวตนและโลกใบนี้ใน D-2 สู่การตั้งคำถามกับธรรมชาติแท้ๆในตัวดนตรีเองจากมุมมองของศิลปินคนหนึ่งใน D-DAY และดูเหมือนว่าชิ้นส่วนของคำตอบจะอยู่ในเพลง “People Pt. 2” featuring IU  เพลงแรกที่ปล่อยมาก่อนอัลบั้มในวันที่ 7 เมษายนนี่เอง:

“ถ้ากลั้นไม่ได้ ร้องให้ก็ไม่เห็นเป็นไร”

SUGA พูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคนหนึ่งถึงอีกคนและโลกของเราในเพลง “People” (“ทุกคนเปลี่ยนแปลง/ ก็เหมือนกับฉันที่เปลี่ยนไปแล้ว”); ส่วนที่สองเหมือนกับบทสนทนาระหว่างตัวเขากับ IU “ที่เคยฝันถึงอนาคตร่วมกัน” แต่กลับเป็น “คนที่ทำลายปราสาททราย” เสียเอง “People” เพลงแรกจริงๆแล้วเป็นเอกพจน์ แต่ “Pt. 2” นั้นเป็นพหุพจน์อย่างแท้จริง ความรักเป็นไปได้ในความสัมพันธ์ของพหุนาม หมายความว่า “ผู้คนมากมายไม่สิ้นสุด” สามารถทำให้เกิด “ความรักที่ผ่านพ้นไป” กับคำถามมากมายที่เกิดขึ้นตามมา: “ความรักเสร็จสิ้นสมบูรณ์แบบในตัวเองไหม?…การเห็นแก่คนอื่นจริงๆก็เป็นการเห็นแก่ตัวได้เหมือนกัน” ยังมีที่  “พวกเขาพูดว่าชีวิตคือการต่อสู้ระหว่างการต่อต้านและโอนอ่อน/ ฉันว่ามันคือการต่อสู้กับความเหงาต่างหาก” เช่นนั้นผู้คนจึงรักผู้อื่น  สิ่งที่เปลี่ยนไปใน “People” และ “People Pt. 2” คือนักดนตรีที่อยู่เบื้องหลังนั้นก้าวหน้ามากขึ้นกับความรักความใส่ใจ ต่อผู้อื่นและโลกที่พวกเขาอยู่อาศัย เขาเรียนรู้ที่จะเรียกตัวเองว่า “แค่ใครอีกคน” ในขณะที่มองดูโลกทั้งใบรอบตัว แต่ก็ยังครุ่นคิดไปไกลกว่านั้นว่าผู้คนยังรักกันอยู่ได้อย่างไรแม้ภายในยังคงเจ็บปวด SUGA ในฐานะนักดนตรีผู้ขับดันหนทางของตนผ่านความเจ็บปวดทั้งมวลและเยียวยาตัวเองได้ใน Agust D ต่อเนื่องมายัง D-2 บัดนี้มาพบกับเราด้วย D-DAY ในฐานะคนที่สามารถพูดเกี่ยวกับการรักผู้อื่นได้  บนหนทางที่ทอดยาวซึ่งเราเรียกว่าชีวิตนี่เอง บางคนก็เจอกับความรัก ในแบบที่นักดนตรีเท่านั้นจะพึงประสบพบได้

.

ที่มา | weverse magazine

EN/TH by @toei | โปรดแจ้งข้อปรับปรุงแก้ไขบทความผ่าน acupofbts.toei@gmail.com หรือ DM ผ่าน ACupofBTS_twt

About the Author /

acupofbts.toei@gmail.com

drinking a cup of hot tea, looking up to the galaxy, you’ll be alright.

Post a Comment