หากเกิดใหม่อีกครั้ง  ก็ขอให้ได้พบกันอีก

บันทึกอาร์มี่; SUGA | Agust D TOUR ‘D-DAY’ IN BANGKOK

10 มิถุนายน 2023, อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี

ควันขาวจางจากเวทีต้องแสงสีแดงตัดน้ำเงินลอยคลุ้งอยู่ใจกลางอารีน่าแห่งนี้ มันหลงติดสีม่วง ๆ นวล ๆ เป็นบางครั้ง การแสดงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น  เราเก็บมือถือไว้มิดชิด  เตรียมแท่งไฟให้พร้อม (อาร์มี่บอมบ์) ตั้งใจซึมซับสิ่งต่าง ๆ ในปัจจุบันให้เต็มที่ โดยเฉพาะเมื่อเป็นการแสดงสดของมินยุนกิ เราต้องการปฏิบัติอย่างละเมียดละไมมากที่สุด

SUGA | Agust D TOUR ‘D-DAY’ คอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของเขา  คล้ายการเผชิญหน้าระหว่าง SUGA และ Agust D  นามปากกาที่แตกต่างกันของผู้ชายที่ชื่อมินยุนกิ  จัดแสดงทั้งหมด 25 รอบ 10 เมือง 6 ประเทศ  เกือบครึ่งจัดขึ้นในสหรัฐฯ  บัตร SOLD OUT ทุกที่นั่ง  มี LIVE VIEWING เพิ่มเติมในโรงภาพยนตร์และแพลตฟอร์มออนไลน์  สภาวการณ์ที่ความต้องการสูงลิ่วเช่นนี้  นับเป็นโชคดีโดยแท้ที่เราได้บัตรชมการแสดงสดมาหนึ่งใบ  กระทั่งรู้สึกไปว่าถือเป็นพันธะแน่นอนทีเดียวที่จะต้องกลับมาบันทึกเรื่องราวเอาไว้อย่างรอบคอบเช่นนี้

ภายในอารีน่านั้นฝนตกพรำไม่ขาดสาย  ความเจ็บปวดยังคงทอดกายภายใต้โลกใบนี้ ยุนกิถูกส่งขึ้นเวทีท่ามกลางบรรยากาศของสายฝน ราวถูกพาตัวออกมาจากจอภาพเบื้องหลัง การปะทะกันฉากใหญ่ที่สุดระหว่าง SUGA และ Agust D เริ่มต้นที่ Haegeum และ Daechwita  เพลงไตเติลอันเป็นเอกลักษณ์จากอัลบั้ม D-DAY และ D-2 การเลิกห้ามและดนตรีปลุกใจแต่โบราณเหมือนการถอดปลั๊กคนดูให้พุ่งทะยานไปในชั้นบรรยากาศ  อารีน่าแห่งนี้ราวกับจะพังทลายลงมา  เมื่อต้องเผชิญหน้ากับใจที่กำลังลุกไหม้ของศิลปินและคนดู สำหรับพวกเขา  การ SOLD OUT สามวันติดอย่างไรก็ถือว่าไม่เพียงพอ  ไปต่อกันที่เพลง Agust D และ give it to me  แฟน ๆ ถึงคราวก็ชานท์ท่อน “A to the G to the U to the S-T-D” อย่างดุเดือด เพลงนี้เป็นเพลงลำดับแรกจากมิกซ์เทปแรกของเขาภายใต้ชื่อเดียวกัน Agust D ที่แม้เพิ่งผ่านการรับรองแซมพลิงและปล่อยบนสตรีมมิ่งทั่วไปได้ไม่นาน (เพลง It’s a Man’s Man’s Man’s World ของ James Brown) ก็ได้รับการตอบรับพร้อมเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่ม จนอดคิดไม่ได้ว่า “Agust D ถึงเวลาแมสแล้วไหมล่ะ!

ความเกรี้ยวกราดและกระหายอยากแตะจุดเดือดและระเหยหายกลายเป็นไอลงมาสู่เพลง Trivia  : Seesaw เขาดีดกีตาร์ที่มีลายเซ็นของสมาชิกวง BTS ส่งเพลงออกมาในเวอร์ชั่นอะคูสติก  เสียงทุ้มต่ำของเขาเข้าได้ดีกับเครื่องสายที่เบาสบาย  เมื่อประกอบกับเสียงร้องคลอของแฟน ๆ แล้ว  ยิ่งขับบรรยากาศให้ไพเราะผ่อนคลาย  ทว่ายังอบอวลด้วยความหมาย  ล่องลอยและหน่วงเหนี่ยวในคราวเดียวกัน  อารมณ์ของเรื่องราวส่งต่อไปยังเพลง SDL พร้อมเสียงชานท์ “Somebody does love but I’m thinking ‘bout you” คั่งค้างอาลัยอยู่กับการจากลา  ก่อนพิจารณาผู้คนอย่างอ่อนโยนผ่านเพลง People  เราจะได้ยินเสียง “Why so serious? I’m so serious?” จากคนรอบข้างผ่านเพลงนี้  เพลงที่กล่าวว่า “บางคราวต้องเจ็บปวด บางทีต้องเจ็บช้ำจนน้ำตามันไหล แล้วมันยังไง ต้องใช้ชีวิตไปทั้งอย่างนั้น แล้วมันเป็นยังไง*”  ด้วยน้ำเสียงกึ่งหวังกึ่งไหว  รวมไปถึง “ใครบอกมนุษย์คือสัตว์แห่งสติปัญญา ในสายตาฉัน ก็เห็น ๆ อยู่ว่ามนุษย์คือสัตว์แห่งความเสียดาย*”  จากเพลงที่ลุ่มลึกภายในเช่นนี้ค่อย ๆ ขยายออกไปสู่เพลง People Pt.2 (feat. IU) พร้อมท่อนชานท์ที่ละลายไปกับบทเพลงอย่างลงตัว  ก้องกังวาล กล่าวโดยรวม  เพลงและการแสดงของยุนกิมีความเป็นสากลมากพอแม้ส่วนใหญ่เป็นภาษาเกาหลี  ถูกออกแบบและประพันธ์มาอย่างดี  เช่นนี้แล้ว  ผู้ฟังสามารถมีส่วนร่วมในจังหวะที่เหมาะเจาะได้อย่างเป็นธรรมชาติ  ดนตรีสดและโปรดักชันโดดเด่นจนต้องอุทานระหว่างรับชมหลายครั้ง แต่ไม่เยอะจนเกินไป  จัดวางอย่างเป็นศิลปะรับกับลักษณะของศิลปินเป็นอย่างดี ผู้ซึ่งในเพลงที่หนักหน่วงก็ดึงอารมณ์ของคนออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม  ในเพลงที่บางเบาก็สามารถรักษากรูฟที่ละเอียดละออเอาไว้ได้ ยุนกิพาขยับจังหวะมาสู่เพลง Moonlight  กับความสับสนภายใต้แสงจันทร์ที่ยังคงเดิม  ก่อนทั้งอารีน่าจะอาบด้วยสีแดงฉานและเสียงชานท์ “I see the ashes falling out your window/ There’s someone in the mirror that you don’t know/ And everything was all wrong/ So burn it till it’s all gone”  เวทีและผู้คนคุกรุ่นราวกองไฟอีกครั้งในเพลง Burn It (feat. MAX)  ก่อนที่ยุนกิจะหายไป ราวกับกลายเป็นเถ้าถ่าน

เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบนจอภาพ  ฟื้นจากตอนหมดสติท่ามกลางสายฝนช่วงต้นเรื่อง  ทว่าก็ถูกใครบางคนจับตัวไปอีกครั้ง  จากรูปพรรณสัณฐานชี้ว่าเป็น Agust D ผู้มีแผลเป็น  ภาพตัดสลับมาที่ SUGA กำลังทอดมองลงมาจากห้องพักแห่งหนึ่ง  SUGA – LOST IN MEMORY  ราวกับติดอยู่ในห้วงเวลาของ HYYH ตลอดไป เขาค่อย ๆ พิจารณาไฟแช็กที่ฝากชื่อ Y.K. เอาไว้  ก่อนถูกลั่นไกใส่ด้วยกระบอกปืนของ Agust D ผู้รับบท THE CHASER เปิดประตูห้องพัก ตามรอยเลือดเข้าไปในห้องน้ำ  แต่ไม่พบร่างของ SUGA จนกระทั่งลืมตามองเข้าไปในกระจก และก็พบร่างที่กำลังโชกเลือด ทว่า นั่นกลับเป็นร่างของเขาเอง…

เพลง Interlude : Shadow เล่าเรื่องราวในคราวเดียวกัน  แม้ต้องการแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดเงาของเราเอง  เพลงไต่ขึ้นไปขยี้ถึงท่อนบริดจ์  ยุนกิจัดการเพลงนี้เสียอยู่หมัดก่อนรัวเสียงถ่ายภาพเสียดแทรกเข้ามาในอากาศ  ราวกับหลุดออกมาจากฉากใน MV  ทันใดนั้นเวลาของเมดเลย์ก็มาถึง  เริ่มด้วยเพลง  BTS Cypher, Pt. 3: KILLER อันโด่งดัง, BTS Cypher 4 กับวรรคทอง “I love I love I love myself/ I know I know I know myself/ Ya playa haters  you should love yourself  brr”  ตามด้วยเพลง Ddaeng แทร็กลับในตำนานที่หลายคนอาจรู้จักแต่หาฟังไม่ได้  ปิดท้ายด้วย HUH?! (feat. j-hope) ให้ได้โยกรัว ๆ ไปกับ “What the sh*t, do you know about me?” แบบไม่มีหยุดหย่อน  จำได้ว่าเราต้องพักหายใจและพูดคุยกันสักนิดตรงนี้  ก่อนที่จะเดินทางสู่ช่วงต่อไป

“Kim Namjoon, Kim Seokjin, Min Yoongi, Jung Hoseok, Park Jimin, Kim Taehyung, Jeon Jungkook, BTS!”  เพลงนี้เป็นเพลงเดียวในคอนเสิร์ตที่แฟน ๆ ชานท์ชื่อสมาชิกทั้งหมดในวง BTS  นี่คือ Life Goes On เวอร์ชั่นของ Agust D  มินยุนกิดีดเปียโนสีน้ำตาลบรรเลงเพลงคู่กับเสียงอาร์มี่  พร้อมแท่งไฟที่ไหวไปตามจังหวะนับหมื่นดวง  ไพเราะงดงามจนเกือบห้ามน้ำตาไม่ได้  ยุนกิเองก็ไม่ลืมชื่นชมด้วยการยกนิ้วให้และชมเป็นคำไทยว่า “เธอมันเริศ”  เป็นการรับให้ที่จับใจแม้ไม่ได้กล่าวมากความ  น้ำเสียงและดนตรีในเพลงนี้โอบกอดเราไว้อย่างอ่อนโยนจนน่าใจหาย  ก่อนจอจะฉายภาพคุณริวอิจิ ซากาโมโตะ  คีตกวีแห่งยุคผู้ล่วงลับ  ท่านกำลังดีดเปียโนต่อหน้ายุนกิที่ยืนมองอย่างมีความสุข  เขามีโอกาสได้ร่วมงานกับท่านในช่วงสุดท้ายของชีวิตผ่านเพลง Snooze (feat. Ryuichi Sakamoto, WOOSUNG of The Rose)  ผู้ชมปรบมืออย่างสงบเมื่อภาพลาลับจอไปพร้อมข้อความไว้อาลัย  ดนตรีอันวิจิตรดังขึ้นพร้อมเสียงแรปอันลุ่มลึกของยุนกิ  สัมผัสราวกับจะรับเอาวิญญาณของเราขึ้นไปสู่เบื้องสูง  โวคอลของอูซองจากวง The Rose ฉายวาบเข้ามาราวตะวันย่ำรุ่งอันสวยงาม  ผู้คนร้องคลอตามราวต้องมนต์  ปรบมืออีกครั้งให้กับผลงานชิ้นเอกที่เพิ่งได้สดับรับชม  คนเราอาจมีความชอบแตกต่างกัน  แต่ผลงานชิ้นเอกนั้นแทบจะเป็นเรื่องที่แน่นอน

อย่างไรก็ตาม  เพลง Polar Night ที่ขยับเข้ามาใกล้ความหน่วงหน่ายของยุคสมัยเองก็ยังสามารถเชื่อมต่อกับเพลง Snooze ได้เป็นอย่างดี  คอนเสิร์ตเข้าสู่ช่วงก่อนท้ายเมื่อยุนกิกล่าวว่ากำลังจะมาถึงเพลงสุดท้าย  “Are you ready?”  ยุนกิกล่าวซ้ำและแสดงออกขำ ๆ ว่าไม่เข้าใจ  ทำไมผู้ชมตอบว่า “No”  เวลาแห่งความรื่นรมย์ผ่านไปไวเช่นนี้เสมอ  ผู้ชมยังไม่อยากให้เขาลาเวที  เพลงสุดท้ายในรายการหลักคือ AMYGDALA เราไม่แน่ใจว่าจะมีเพลงไหนในปลายปากกาของมินยุนกิที่เจ็บปวดได้เท่าเพลงนี้  เราไม่แน่ใจว่าเขาร้องเพลงนี้ถึง 20 รอบได้อย่างไรโดยไม่แตกสลาย  แต่หากเพลงนี้จำเป็นต้องปรากฏออกมาก็ควรเป็นเวลานี้  ความประหวั่นภายในเพลงสะท้อนลึกลงไปถึงสุดขอบชีวิตของเรา  เหตุใดเขาจึงมีความสามารถได้มากขนาดนี้ และเหตุใดจึงหาญกล้า เผยโฉม เผชิญหน้าบาดแผลในชีวิตของตนได้มากมายขนาดนี้  เขาล้มลงในคำร้องสุดท้าย  ผู้คนร้องชื่อมินยุนกิตลอดทางที่แดนเซอร์แบกร่างของเขาลงจากเวที  ราวร่วมสวดส่งให้กับความเจ็บปวดของเขา  หรือไม่แน่ว่าอาจจะให้กับพวกเราทั้งหมด

ยุนกิเติบโตขึ้นมากนับจากเมื่อครั้งทำการแสดงที่ราชมังคลากีฬาสถาน ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและทักษะภายใน เมื่อรับชมรับฟังการแสดงของเขาให้ดีก็จะเข้าใจทันทีว่านี่คือศิลปินจากวงที่ครองสเตเดียมระดับตำนานมาแล้วทั่วโลก

จอภาพต่อฉาก SUGA และ Agust D ที่พยายามกำจัดกันและกัน  แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ไม่เคยหายไปไหน  “Future’s gonna be okay, look at the mirror and I see no pain”  นี่คือ D-DAY  บทเพลงแห่งการเกิดใหม่  ยุนกิกลับมาอย่างคึกคักอีกครั้งในช่วงอังกอร์  เขาถึงขั้นเรียกเพลง INTRO : Never Mind กลับมาจากปี 2015  อัลบั้ม The Most Beautiful Moment in Life, Pt. 2  เพลงนี้กุมแรงใจในวัยเยาว์ของเขาเอาไว้  หากแต่เมื่อสัมผัสการแสดงก็จะทราบได้ว่าแรงใจนั้นยังคงไหลเวียนอยู่ภายในไม่ได้ตกหล่นไปตามกาลเวลา  ฉากอำลาถูกยกให้กับ The Last   เพลงที่กรีดผิวหนังแห่งชีวิตของมินยุนกิลงไปถึงใจที่เจ็บป่วยของเขา ผลงานที่ต้องใช้ความแม่นยำสูงสุด สมบูรณ์แบบสำหรับคำทิ้งท้าย ทั้งความรวดร้าว การรับเอา และคำที่กล่าวว่า “My fan, my homie, my fam  ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ*”  มินยุนกิไม่อ่อนข้อให้กับเพลงสุดท้าย  เขาไม่ปล่อยผ่านไปแม้ลมหายใจเดียวในช่วงปัจฉิมลิขิต  ราวกับแรปด้วยไฟในชีวิตทั้งหมดที่มี  พลุแสงสีแตกออกเป็นรอบสุดท้าย  มินยุนกิจากไปพร้อมจิตวิญญาณที่รอดพ้นและกล้าหาญ  การแสดงเสร็จสิ้น  หมดจด  สมบูรณ์แบบ

เขาเคยเล่าไว้ในรายการ IU’s Palette ว่า “‘มาเกิดใหม่อีกครั้งในวันนี้เถอะ!/ ตัวฉันในอดีตได้ตายจากไปแล้ว  ไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกแล้ว/ มีแค่ตัวฉันในปัจจุบันที่ยังคงอยู่’ นั่นคือสิ่งที่เพลงจะสื่อครับ  ‘โฟกัสกับตัวเอง  มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน/ มันคือวันนี้แล่ะ, D-DAY’”  ตัวเราที่ได้รับแรงใจจากคอนเสิร์ตครั้งนี้  ก็มีหวังว่าอาจข้ามสะพานแห่งชีวิตไปได้ในท้ายที่สุดเช่นกัน  หากถึงเวลานั้น  หากเราได้เกิดใหม่อีกครั้ง  ก็หวังว่าจะได้พบกับมินยุนกิและวง BTS อีก เพราะแม้แต่ตอนนี้ ตอนที่เรามีความสุขดีและซาบซึ้งใจในชีวิตได้ นั่นก็เพราะสิ่งที่พวกคุณได้ฝากเอาไว้เลยจริง ๆ

.

*คำแปลเพลงโดย CANDYCLOVER: อัลบั้ม D-2, D-DAY

.

บทความโดย @toei | โปรดแจ้งข้อปรับปรุงแก้ไขบทความผ่าน acupofbts.toei@gmail.com หรือ DM ผ่าน ACupofBTS_twt

.

About the Author /

acupofbts.toei@gmail.com

drinking a cup of hot tea, looking up to the galaxy, you’ll be alright.

Post a Comment