WINGS TOUR

BTS ปิดฉาก WINGS TOUR เดินทางกลับสู่เกาหลีอย่างสมเกียรติ

BTS ผู้เสร็จสิ้นกิจกรรมในอเมริกาไปอย่างสำเร็จลุล่วง และเดินทางกลับสู่เกาหลีอย่างสมเกียรติ เปิดเผยถึงความรู้สึกต่อทัวร์คอนเสิร์ต 3 Episodes ที่จบลงไป, ความประทับใจตลอดการทำงานในปี 2017 และแผนงานในปี 2018

WINGS TOUR

BTS เปิดการแสดงคอนเสิร์ต 2017 BTS LIVE TRILOGY EPISODE THE WINGS TOUR THE FINAL ที่ Gocheok Sky Dome เขตกูโร กรุงโซล ไปเมื่อในวันที่ 10 ธันวาคม 2017 เวลา 15:00. (ไทย)

เหล่าเมมเบอร์เปิดงานแถลงข่าวเป็นเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาทีก่อนการแสดงหลัก เพื่อเปิดเผยถึงพอยต์ของการแสดงที่ต้องติดตาม และความรู้สึกต่อทัวร์คอนเสิร์ตในครั้งนี้ที่กำลังจะจบลงไป โดยก่อนการสัมภาษณ์ BTS พวกเขาก็ได้ให้สัมภาษณ์ร่วมกับประธานบังชีฮยอกจากต้นสังกัด Big Hit Entertainment

ทัวร์คอนเสิร์ต WINGS TOUR ในครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีในฐานะสุดยอดการทัวร์คอนเสิร์ตในประวัติศาสตร์ด้วยจำนวนผู้เข้าชมและโปรดักชั่นครั้งประวัติการณ์ของคอนเสิร์ต BTS คอนเสิร์ตครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นที่กรุงโซล ณ Gocheok Sky Dome เมื่อวันที่ 18 และ 19 กุมภาพันธ์ปี 2017 ตามด้วยทัวร์ที่กรุงซานติเอโก ประเทศชิลี, กรุงเซาเปาโล ประเทศบราซิล, เมืองนวร์ก ชิคาโก อนาไฮม์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในเดือนมีนาคม, กรุงเทพ ประเทศไทย, กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดเนเซีย ในเดือนเมษายน, กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปนส์, เกาะฮ่องกง, กรุงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ในเดือนพฤษภาคม, เมืองฮิโรชิมา นาโงย่า ไซตามะ ฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนมิถุนายน, เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนกรกฎาคม, เกาะมาเก๊า ในเดือนพฤศจิกายน รวม 19 ประเทศทั่วโลก 40 รอบการแสดง

ตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมาพวกเขาพบปะแฟน ๆ ชาวเกาหลีและต่างชาติกว่า 550,000 คน พวกเขาจำหน่ายบัตรพรีเซลล์หมดเกลี้ยงทั้งคอนเสิร์ตอย่างสมบูรณ์แบบ เรียกได้ว่าพิสูจน์พลังในการจำหน่ายบัตรที่แข็งแกร่งระดับโลกอีกครั้ง

BTS เตรียมปิดฉากคอนเสิร์ต BTS LIVE TRILOGY EPISODE 3 เอพิโซดที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2014 ผ่านการแสดงคอนเสิร์ตรอบสุดท้ายในวันนี้ คอนเสิร์ตซีรี่ส์ BTS LIVE TRILOGY EPISODE เริ่มต้นขึ้นที่ AX Hall (ปัจจุบันชื่อ YES 24 Live Hall) ในกรุงโซลเมื่อเดือนตุลาคมปี 2013, ประกอบด้วยซีรี่ส์ THE RED BULLET ที่จัดขึ้นที่ Asia World Expo ในฮ่องกงเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2015, BTS BEGINS ที่ Seoul Olympic Hall ในเดือนมีนาคมปี 2015 และ WINGS TOUR ที่จัดขึ้นในปีนี้

ต่อไปเป็นคำถามคำตอบระหว่างการแถลงข่าวของ BTS ในวันนี้


Q : เริ่มต้นตั้งแต่การชนะรางวัลที่งาน Billboard Music Awards เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จากนั้นก็ได้ทำอีกหลายกิจกรรมที่อเมริกา พูดถึงหลาย ๆ เรื่องราวระหว่างที่ไปเยือนอเมริกาหน่อยค่ะ

▲ JIN : มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อเลยครับเพราะพวกเราได้ไปในที่ ๆ เคยเห็นใน TV หรืออินเตอร์เน็ตขึ้นมาจริง การเข้าร่วมงานประกาศรางวัลในฐานะตัวแทนจากประเทศเกาหลีก็ทำให้เกิดความรู้สึกประหม่าด้วยเหมือนกัน แต่เพราะมีแรงซัพพอร์ตจากแฟน ๆ ในอเมริกาที่ส่งมาให้ ความรู้สึกประหม่าก็เลยลดลงไปได้ระดับนึง อยากจะขอขอบคุณบรรดาแฟน ๆ เลยครับ

JIMIN : สิ่งที่พวกเรารู้สึกเสียดายตอนไปงาน Billboard Music Awards ก็คือการที่ไม่มีโอกาสได้ทำการแสดงทั้ง ๆ ที่อยากจะแสดงมาก พอครั้งนี้ได้ทำการแสดงที่งาน American Music Awards ก็เลยรู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ และการที่ได้ทำการแสดงด้วยเพลงที่ทำออกมาเป็นภาษาเกาหลีกับการได้แสดงตัวพวกเราให้คนมากมายไม่ใช่แค่แฟน ๆ ได้ชมก็รู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกยินดีอย่างยิ่งเลยล่ะครับอีกอย่างหนึ่งคือแม้งานนี้จะเป็นงานประกาศรางวัลใหญ่ของอเมริกาแต่แฟน ๆ ก็ส่งเสียงร้องเชียร์พวกเราอย่างล้นหลามเหมือนแสดงที่เกาหลีเลยครับอยากจะขอขอบคุณการซัพพอร์ตที่มีให้มากเลยครับ

RM : SUGA ฮยองเขาไม่ใช่คนที่มีคาแรคเตอร์ประหม่า ต่อให้ประหม่ายังไงเขาก็ซ่อนเอาไว้ได้แนบเนียน แต่ในงาน AMA ผมกลับเห็นเขาประหม่าขนาดนั้นเป็นครั้งแรก ไมค์ที่ถืออยู่นี่สั่นเลยครับ พวกเราประหม่ากันหมด โชคดีที่การแสดงจบลงไปได้ด้วยดีอย่างสนุกสนาน พอได้ร้องเพลงเป็นภาษาเกาหลีแล้วมีหลาย ๆ คนเลยครับที่มาถามคำภาษาเกาหลี มีสอนคำว่า ‘대박 (แทบัก = สุดยอด)’, กับ ’쩔어 (จอลลอ = เจ๋ง)’ ไปด้วย ที่พิเศษไปกว่านั้นคือผมได้รับสินค้าของซิทคอมที่ผมชอบจากรายการ The Ellen Show เต็มเลยเป็นช่วงสิบกว่าวันในอเมริกาที่สนุกสุด ๆ ไปเลยครับ

Q : พวกคุณครองอันดับ 1 จากเพลง Mic Drop  เวอร์ชั่น Remix ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกด้วย คิดยังไงกับกระแสฟีเวอร์นี้คะ

▲ RM : เป็นเพลงที่ทำออกมาได้โดยที่โปรดิวเซอร์บังชีฮยอกแนะนำให้เราพูดในฐานะวงที่น้อมรับเกียรติยศชื่อเสียง โดยให้จัดการกับความเศร้าหรือความโกรธที่เคยเผชิญมาและก้าวข้ามมันไปให้ได้ จำได้เลยครับว่าเป็นเพลงที่เขียนอย่างเกรี้ยวกราดและทรงพลัง แต่ก็ยังมีความรู้สึกว่าจับทิศทางได้ไม่ค่อยดี พอคิด ๆ ดูแล้วคงเป็นเพราะเราไม่มีความโกรธหลงเหลืออยู่แล้ว คงไม่มีความรู้สึกเศร้าโศกหรือความโมโหแล้ว พอได้เขียนเพลงด้วยความรู้สึกที่ดีและมีความสุขอย่างเบาใจแล้ว ก็รู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่เข้ากับสถานการณ์ของพวกเราในตอนนี้มากขึ้นครับ ผมคิดว่าการได้ผ่อนคลายลงและทำเพลงด้วยความสแว็กในแบบของเราคือทิศทางที่ใช่สำหรับพวกเราครับ  ส่วนเพลงนี้ในเวอร์ชั่น Remix เกิดขึ้นได้หลังจากการพบ Steve Aoki และ Desiigner ที่หลังเวทีงาน Billboard ครับ

J-HOPE : ผมกังวลและประหม่ามากครับตอนโชว์การแสดงรีมิกซ์ครั้งแรกที่อเมริกา แต่ก็มีหลาย ๆ คนที่มาให้กำลังใจ พวกเราไปออกรายการทอล์คโชว์ที่อเมริกา 3 รายการ ไม่รู้ว่าเป็นคนอเมริกา หรือคนเกาหลีที่ปรบมือให้อย่างงง ๆ แต่ผมก็รู้สึกซาบซึ้งและภูมิใจมากเลยนะครับ แล้วยังมาบอกพวกเราด้วยว่าได้ที่ 1 ชาร์ตเพลง iTunes ใน 50 ประเทศทั่วโลกเป็นเรื่องที่เป็นเกียรติและภูมิใจสำหรับพวกเราเหมือนกันเลยล่ะครับผมรู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ กับการได้รับผลความสำเร็จที่ดีบนชาร์ตพวกนั้นเพราะเป็นชาร์ตที่พวกเราเองก็ชอบมากเหมือนกันครับพวกเราแสดงความสแว็กและการแสดงที่ไม่เหมือนใครของพวกเราเองหลาย ๆ คนคงชอบในจุดนั้นครับ

Q : ให้พูดว่าปี 2017 เป็นปีของ BTS ไม่ใช่การพูดเกินจริงเลยค่ะ มีช่วงเวลาที่ตรึงใจที่สุดมั้ยคะ

▲ JUNGKOOK : มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในปี 2017 ครับ ก่อนอื่นเลยก็เริ่มต้นด้วย WINGS TOUR เมื่อเดือนกุมภาพันธ์, ได้รับรางวัลจากงานประกาศรางวัล Billboard เมื่อเดือนพฤษภาคม, ออกอัลบั้มออกในเดือนกันยายน, ทำแคมเปญจ์ LOVE MYSELF ในเดือนตุลาคม, ไปงานประกาศรางวัล AMA และออกเพลง MIC Drop เวอร์ชั่น Remix ในเดือนพฤศจิกายน และได้รางวัลแดซัง 2 ปีซ้อนเป็นผลความสำเร็จที่เกิดขึ้นมากมายจริง ๆ ครับผมคิดว่ามันเกืดขึ้นได้เพราะแฟน ๆ ทุกคนครับและยิ่งมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในปีนี้ทำให้ยิ่งตั้งตาคอยเลยครับว่าปีหน้าจะเป็นยังไงแม้สถิติต่อไปในอนาคตจะสำคัญแต่ผมก็อยากจะแสดงเพลงและการแสดงที่ทำให้แฟน ๆ พอใจได้ต่อไปก็อยากจะแสดงภาพลักษณ์ที่ทำเต็มที่ทุก ๆ ครั้งให้ได้เห็นครับ

Q : เป้าหมายของปี 2018 คืออะไร

▲ JIN : วันนี้เป็นวันสุดท้ายของ ถ้าปีหน้าหรือปีถัด ๆ ไปได้ทัวร์สเตเดี้ยมดูจะเป็นยังไงกันนะ ผมอยากจะมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ครับ เพราะพอเรามีเป้าหมายใหญ่ ๆ ก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอครับ ใหญ่ ๆ บิ๊ก ๆ

JIMIN : ผมก็มีเป้าหมายครับ พวกเราได้รับเกียรติขึ้นถึงอันดับ 7 บนชาร์ต Billboard 200 จากอัลบั้มที่ผ่านมา และขึ้นถึงอันดับ 28 บนชาร์ต Billboard Hot 100 จากเพลง MIC Drop เวอร์ชั่น Remix ในครั้งนี้ ต่อไปพวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่ยิ่งขึ้นเพื่อที่จะขึ้นให้ไปให้ถึงอัรดับ 1 ชาร์ต Billboard 200 และ Top 10 ชาร์ต Billboard Hot 100 นะครับ

Q : พอยท์ของคอนเสิร์ตวันนี้ที่ต้องคอยติดตามคืออะไรคะ

▲ JIN : ก็คือการแสดงเพลงที่ทำตั้งแต่ก่อนเดบิวต์ตลอดจนเพลงใหม่เลยครับ แล้วก็อุปกรณ์ครับ พวกเราขนอุปกรณ์สุดยิ่งใหญ่มา สเกลงานวางไว้ยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นขอให้ติดตามกันเยอะ ๆ ด้วยนะครับ

Q : มีแพลนจะทำเพลงร่วมกับศิลปินท่านอื่น ๆ อีกมั้ยคะ

▲ SUGA : เป็นอะไรที่รู้สึกขอบคุณมาก ๆ เลยครับที่มีศิลปินหลายท่านที่เอ็นดูเราและอยากร่วมงานกับเรา พวกเราเปิดรับเสมอครับ ผมเองก็คิดว่าการร่วมทำเพลงกับศิลปินที่เข้ากับพวกเรา, ให้พลังงาน และพลังที่ดีต่อกันก็เป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ ครับ ตอนนี้ก็มีศิลปินที่ทำเพลงร่วมกันอยู่ แต่กำลังอยู่ในระหว่างการพูดคุยกันอยู่เพื่อที่จะได้ประกาศให้ทราบได้ครับ ผมว่าคาดหวังกันได้เลยล่ะครับ แล้วก็อาจจะมีการทำเพลงกับศิลปินภายนอกด้วย หวังว่าจะคอยติดตามและให้ความสนใจกันเยอะ ๆ นะครับ 

WINGS TOUR

Q : เป้าหมายปีหน้า

▲ RM : กำลังเตรียมอัลบั้มอื่นของซีรี่ส์ LOVE YOURSELF ครับ อัลบั้มของซีรี่ส์นี้จะดำเนินต่อไปครับ และ WINGS TOUR ก็เป็นส่วนหนึ่งของคอนเสิร์ต 3 Episode. แต่ทุก Episode จบลงแล้วก็คิดว่าจะกลับไปเยือนอาร์มี่มากมายทั่วโลกด้วยทัวร์คอนเสิร์ตครั้งใหม่ครับ ส่วนแคมเปญจ์ LOVE MYSELF ที่ร่วมกับ UNICEF ที่เพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาก็จะดำเนินต่อไปอย่างเต็มรูปแบบครับ

Q : คุณ RM เปลี่ยนเนื้อร้องท่อนหนึ่งในเพลงด้วย สาเหตุที่ได้เห็นน้ำตาของคุณในคอนเสิร์ตคืออะไรคะ

▲ RM : กรณีเนื้อเพลงของ Cypher 3 ผมคิดว่ามีส่วนที่มันไม่ถูกต้องอยู่และคิดว่ายังไงก็ต้องเปลี่ยน ส่วนเพลง Spring Day หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้ แต่มีเนื้อเพลงที่ผมเปลี่ยนเพราะคิดว่าเราได้ผ่านฤดูหนาวของพวกเรามาแล้ว ต่อมาเพลง Born Singer เป็นเพลงที่เขียนขึ้นตอนที่พวกเรายากลำบากที่สุดและมีความหมายกับพวกเรามากที่สุด เวลาร้องเพลงนี้มันมีเสียงสะท้อนอยู่ในใจ เราร้องเพลงนี้ในคอนเสิร์ตเมื่อประมาณ 3 ปีครึ่ง ภาพเรื่องราวเมื่อก่อนผ่านเข้ามา ผมเลยน้ำตาไหลไม่รู้ตัวเลย

Q : คิดว่าวันเวลาเหล่านี้ของ BTS มันมาถึงเร็วหรือช้ามั้ยคะ

▲ SUGA : มุมมองของแต่ละคนมันต่างกันก็จริง แต่สิ่งที่พวกเรารู้สึกก็คือวันเวลาเหล่านั้นมาถึงสมอย่างที่พวกเราพยายามครับ บางคนคิดว่าเราเดบิวต์มาแค่ 1-2 ปีพวกเราได้รับความรับจากแฟน ๆ มากมายอย่างที่เราพยายามและพวกเราจะตอบด้วยเพลงกับการแสดงอย่างที่เราได้รับความรักมาครับผมคิดว่าวันนั้นไม่ได้มาถึงเร็วหรือช้าไปหรอกครับ

Q : ความรู้สึกต่อการบุกตลาดและความสำเร็จในอเมริกา

▲ SUGA : พวกเราไม่ได้บุกตลาดครับ เราระแวดระวังที่จะพูดว่าเรายังไม่ได้ไปบุกตลาดอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เพราะเราไปอเมริกาจากการได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานประกาศรางวัล ผมอยากจะขอบคุณอาร์มี่ทุก ๆ คนสำหรับตอนที่พวกเราแสดงในงานประกาศรางวัลอีกครั้งครับ จริง ๆ แล้วที่ถูกจัดเข้าตารางงานเราก็มีแค่การแสดงที่ AMA ที่เดียวเอง แต่พอได้เห็นแฟนๆ รอคอยและส่งเสียงเชียร์พวกเราในทุก ๆ รายการทอลค์โชว์ทั้ง The Ellen Show และรายการอื่น ๆ จู่ ๆ ช่วงปาผลไม้ (ในรายการ The Late Late Show with James Corden) และอื่น ๆ ตามมาด้วย เป็นอีกครั้งที่ทำให้พวกเราได้คิดว่าที่หลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นได้เพราะความร้อนแรงและความรักของแฟน ๆ ครับ

RM : มีความรู้สึกต้องรับผิดชอบมากมายเลยล่ะครับผมไม่อยากตื่นเต้นตรงจุดนี้มากผมพยายามจะหาเวลาสร้างไอเดียทำอัลบั้มให้ได้มากที่สุดต่อไปและตั้งใจจะพูดคุยกับค่ายให้เยอะ ๆ ครับอยู่ในห้องซ้อมก็ซ้อมจนย้ายไปอยู่ในห้องซ้อมแล้วครับผมอยากจะเป็นคนที่ถ่อมตัวต่อไปโดยไม่เปลี่ยนแปลงผมคิดว่านี่เป็นเอกลักษณ์และเป็นพอยท์ของพวกเราครับ

Q : สาเหตุที่ RM เปลี่ยนชื่อที่ใช้ทำงานจาก RAP MONSTER มาเป็น RM คืออะไรคะ

▲ RM : ปีหน้าผมจะอายุ 25 แล้ว เวลาเล่าถึงชื่อ RAP MONSTER ในหลาย ๆ ที่ ทั้งในอเมริกาเอยอะไรเอย ผมมีความรู้สึกว่ามันดูเยอะไปหน่อย ตอนเดบิวต์ผมใช้ชื่อนี้เพราะคิดว่าเท่ห์ และคิดว่าคงมีคนจำชื่อ RAP MONSTER ได้จนกระทั่งผมอำลาวงการเพราะชื่อนี้มีความหนักแน่นมาก ๆ แต่ผมก็กลัวว่าชื่อนี้จะทำให้ผมต้องใช้ชีวิตอย่างเกรี้ยวกราดให้สมชื่อ เหตุผลหลาย ๆ อย่างนี้ก็เลยทำให้ได้เปลี่ยนชื่อครับ

Q : ประธานบังชีฮยอกบอกว่ารู้สึกไม่สบายใจที่ถูกเรียกว่าคุณพ่อของ BTS’ คิดยังไงกับเรื่องนี้คะ

▲ SUGA : จริง ๆ แล้วพวกเราไม่เรียกเขากระทั่งท่าน CEO หรือท่านประธานด้วยซ้ำครับ ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนกับคำพวกนี้สุด ๆ ตัวเขาเองเป็นโปรดิวเซอร์ ไม่ได้คิดว่าเป็นคุณพ่อหรอกครับ นอกจากที่พวกเราเรียกเขาว่า PD นิมแล้ว ก็ไม่มีคำนำหน้าอื่น ๆ หรอกครับ เมื่อวานก็คุยกันเรื่องพวกนี้ครับว่า แกบอกว่าถ้าเราเป็นคนที่รักการทำเพลง การรักคนจำนวนมากที่มาชอบเพลงของเรามากแค่ไหนก็เป็นสิ่งสำคัญ เราเห็นด้วยตรงจุดนี้กันหมดครับ ลองคิดดูแล้วว่ามีอะไรที่สำคัญกว่านี้ในฐานะคนทำเพลงอีกไหม ก็พบว่าไม่มีครับ เราพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้กันตลอดครับ ในเรื่องของงานเพลงนั้น เขายอมรับในความคิดและเนื้อเพลงของพวกเราทั้งหมดมาตลอด  และสำหรับเราเอง เราก็รู้สึกเหมือนได้พบกับโปรดิวเซอร์, รุ่นพี่ และฮยองที่ดีมากคนหนึ่งอยู่ตลอกเลยครับ ผมคิดมาตลอดว่ามันเป็นเรื่องของโชคชะตาจริง ๆ ครับ

RM : เพราะผมมีความตั้งใจที่จะทำให้ระยะห่างทางจิตใจระหว่างพวกเราแคบลง เราเลยไม่ชอบคำนำหน้าว่าคุณพ่อเลยครับ พวกเราเรียกเขาว่า PD นิมมาตลอดตั้งแต่ตอนเดบิวต์ เขาบอกพวกเราด้วยซ้ำว่าพอโตพอแล้วจะเรียกว่าฮยองก็ได้ มีบ้างเหมือนกันที่ทิศทางของ BTS ที่ PD คิดไม่ตรงกับที่พวกเราคิด แต่เพราะเราต้องเข้าประชุม วางแผนคอนเซ็ปต์อัลบั้มโดยมีพื้นฐานมาจากความคิดของพวกเรา ก็เลยไม่มีเรื่องบาดหมางมากมายเกิดขึ้นหรอกครับ แต่พอทำเพลงด้วยกันไป ก็จะมีหลาย ๆ เส้นทางที่บิดเบือนไปเหมือนกัน แต่พวกเราเป็นพวกที่คิดกลับไปกลับมา และต่างฝ่ายต่างพยายามหาข้อตกลงร่วมกันให้ได้มากที่สุดครับ

Q : ถ้าดูแต่ซิทคอมเรื่อง Friends แล้วจะเก่งภาษาอังกฤษเหมือน RM มั้ย

▲ RM : จริง ๆ แล้วดูแต่ Friends อย่างเดียวไม่ได้ครับ อันที่จริงผมเองก็ไปติวภาษาอังกฤษมา 20 กว่าแห่ง แต่การดู Friends โดยไม่มีซับไตเติ้ลนี่แหละที่ช่วยสร้างทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นผมก็ท่องจำคำศัพท์เยอะมาก ๆ และผมชอบเพลงป๊อป ก็เลยแปลเนื้อเพลง และทำตามท่าทางที่ศิลปินพวกนั้นให้สัมภาษณ์ คำพูดที่ผู้คนใช้บ่อย ๆ ที่ผมศึกษามาตลอดก็จากการดู Friends คนที่เรียนภาษาอังกฤษผ่านหนังสือก็มีเยอะครับ ถ้าแค่คำศัพท์ก็เรียนจากหนังสือได้ และถ้าดู Friends ด้วยบ่อย ๆ ก็จะสุดยอดเลยครับ

JIMIN : ผมก็ดู Friends นะครับแต่ผมว่าคนนี้ (RM) เขาไม่ใช่คนปกติครับ

SUGA : ผมก็ดู Friends แล้วก็ชอบดู NetFlix ด้วย แต่ผมว่ามีแต่ RM ที่ทำได้ล่ะมั้งครับ

JIN : ผมก็ดู Friends นะครับแต่ที่ผมพูดได้ก็มีแต่ Worldwide Handsome นี่ล่ะครับ

ที่มา | Newsen
แปลจากเกาหลีเป็นไทยโดย CANDYCLOVER

DMCA.com Protection Status

ทาง CANDYCLOVER มีความยินดีหากผู้อ่านเล็งเห็นประโยชน์ของคอนเทนต์นี้ และต้องการนำไปประกอบเอกสารหรือสื่อทางการศึกษา เผยแพร่ต่อบนโซเชียลมีเดีย รวมถึงนำไปผลิตของที่ระลึก เช่น Giveaway สำหรับแจกฟรี มิใช่การจัดจำหน่าย

หากต้องการนำข้อมูลไปใช้อ้างอิง กรุณาติดต่อทางอีเมลล์ bts.candyclover@gmail.com และรอการตอบกลับที่ระบุว่าอนุญาตแล้วเท่านั้น ยกเว้นกรณีการนำข้อมูลที่ “แปล เรียบเรียง หรือจัดทำโดย CANDYCLOVER” ไปรีโพสต์ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ รีโพสต์บนแฟนเพจ เว็บไซต์ หรือเว็บบอร์ด ที่มิใช่แพลตฟอร์มของ CANDYCLOVER พร้อมใส่เครดิตเองโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงนำไปเป็นคอนเทนต์ทางสื่อโทรทัศน์ หรือกระทำการใด ๆ ก็ตามที่เข้าข่ายแอบอ้างผลงาน หากพบเห็นจะดำเนินคดีทางกฎหมายให้ถึงที่สุด

หากท่านชื่นชอบคอนเทนต์ที่ CANDYCLOVER นำเสนอ สามารถให้การสนับสนุนพวกเราได้ง่าย ๆ เพียง 1.) ไม่สนับสนุนแอคเคาต์ที่แอบอ้างข้อมูลที่แปลโดย CANDYCLOVER 2.) รีพอร์ตแอคเคาต์ดังกล่าวผ่านระบบของแพลตฟอร์มที่ท่านพบเห็นโพสต์ที่เข้าข่าย โดยเลือกหัวข้อ “ละเมิดลิขสิทธิ์” 3.) สนับสนุนค่ากาแฟทาง Ko-fi หรือ Patreon

About the Author /

bts.candyclover@gmail.com

I go by the name Candy, a co-founder, admin, designer, translator, writer of and for CANDYCLOVER. I'm a graphic/UI designer and a self-taught Korean translator who's passionate about telling success stories of BTS in the form of mixed media from graphic to web-based experiences. Now, I'm also pursuing my career as a professional Korean translator. My recent book-length translation projects are: I AM BTS (TH Edition), BTS The Review (TH Edition) and more to come!

Post a Comment