TEAR — น้ำตาและรสชาติของความสิ้นหวัง

ขึ้นชื่อว่าความสิ้นหวังแล้ว มันไม่เคยเลือกเวลา ไม่เลือกสถานที่ ไม่เคยอ่อนโยน และไม่เคยเห็นใจ  Outro:Tear จึงเป็นบทเพลงแห่งร่องรอยของน้ำตาและรสชาติของความสิ้นหวัง       

    

Outro:Tear บทเพลงที่ถูกถ่ายทอดผ่านจาก 3 Rap line ของ BTS เนื้อเพลงที่ถูกเขียนขึ้นบนความสิ้นหวัง ส่งผลให้มีจังหวะทำนองที่ดุดัน และทรงพลังในเวลาเดียวกัน เบื้องหลังของบทเพลงที่เต็มไปด้วยความปวดร้าวของเด็กหนุ่มทั้ง 7 โดยชูก้าได้ออกมาเปิดเผยเบื้องหลังของบทเพลงนี้ว่า ในต้นปี 2018 สมาชิกของ BTS ต่างต้องเจอกับความกดดันจากรอบด้าน และในปีนั้นเป็นปีที่พวกเขาจะล้มเลิกความฝันโดยการยุบวงและแยกทางกันไป

ความสิ้นหวังที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทางเนื้อร้องในบทเพลง Tear ที่ว่า

“การจากลาสำหรับฉันคือ T.E.A.R

ก็อะไร ๆ อย่างน้ำตามันคือเรื่องฟุ้งเฟ้อ

ไม่มีหรอกการจากลาที่สวยงาม เริ่มใหม่เสียเถอะ

ใจเย็น ๆ น่า ค่อย ๆ คว้านหัวใจฉันออกมานะ

นั่นละ ๆ เหยียบย่ำลงไปบนเศษเสี้ยวที่กลายเป็นเสี่ยง ๆ

ให้ไม่เหลือเยื่อใยพรรค์นั้นอีกต่อไป

เผาหัวใจกะรุ่งกะริ่งของฉันให้เป็นเถ้าถ่าน

อย่างนั้นละ ก็อยู่ตรงนั้นแล้วนี่นา ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ

ไม่ใช่จุดจบที่แกอยากได้นักหนาหรือไง

ไม่ต้องรีรออะไร เอาให้ตาย ๆ กันไปเลย”

คงเป็นประโยคที่ใช้อธิบายความสิ้นหวังที่เกิดขึ้นในใจของเด็กหนุ่มทั้ง 7 คนในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนั้นได้อย่างชัดเจน ช่วงเวลาที่พวกเขายอมถอดใจและยอมศิโรราบให้กับความกดดันในครั้งนั้น (แต่ไม่ยอมแพ้นะ)

และอันที่จริงผู้เขียนได้เริ่มเขียนบทความนี้ไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เป็นบทความที่ใช้เวลานานมากที่สุดบทหนึ่ง เพราะผู้เขียนได้เริ่มเขียนบทความนี้จากความผิดหวัง เพราะการเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่ยุติธรรมอย่างสมบูรณ์แบบครั้งแรกในชีวิตการเติบโตของผู้เขียน

สถานการณ์ถูกบีบให้ออกจากงานที่ทำ ที่เคยดูผ่านทางซีรีย์ต่าง ๆ กลับเป็นเหตุการณ์ที่ผู้เขียนต้องพบเจอในช่วงท้ายปีที่ผ่านมา สถานการณ์ที่กลุ่มผู้ใหญ่มากประสบการณ์ กับเด็กรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพตามยุคสมัยของตนเอง และกำลังประคับประคองตัวเองให้อยู่บนเส้นทางที่ดี หากคิดดูตามหลักแล้วทั้งสองศักยภาพนี้สามารถช่วยเหลือเจือจูนซึ่งกันและกันในเนื้องานได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งนั้นกลับไม่สามรถเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง เพราะในชีวิตจริงก็คือ ชีวิตไม่ได้สวยงามอย่างนั้น ผู้ที่เคยมีพลังแสงสว่างในตนเองเหล่านั้นกลับหวาดกลัวแสงสว่างน้อย ๆ กดทับแสงสว่างของตน จึงเลือกใช้มุมมืดบอดในจิตใจ ตัดแสงสว่างแห่งความหวังของเด็กที่กำลัง ก้าวสู่วัยกำลังสร้างตน กลุ่มนี้ ซึ่งแน่นอนว่าผู้เขียนคือ หนึ่งในเด็กกลุ่มนั้น (ถึงแม้ตอนนั้นอายุจะก้าวข้ามเลข 3 แล้วก็ตาม 55)

ในขณะที่ความหวังพังทลายลง ความรู้สึกหลากหลายหลั่งไหลเข้ามา จนจับต้นชนปลายไม่ถูกว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เหตุการณ์นั้นเหมือนม่านความสดใสในดวงตาถูกกระชากออกมาให้เห็นถึงสภาพสีแห่งความเป็นจริงอีกด้านหนึ่งของชีวิต ความรู้สึกในตอนนั้น บวกกับบางช่วงบางตอนในเนื้อเพลงของ Tear ที่ว่านี่

“นี่ละตัวแกจริง ๆ นี่ละตัวจริงของฉัน

มองเห็นจุดจบละ ไม่เหลือแม้แต่ความเกลียดชัง

ลืมตาตื่นจากฝันที่เคยหอมหวาน

นี่ละตัวแกจริง ๆ นี่ละตัวจริงของฉัน”

เป็นการตอกย้ำความรู้สึกสิ้นหวังให้ลึกลงไปกว่าเดิมอีกเป็นร้อยเท่า ความผิดหวังที่เกิดขึ้นด้วยการกระทำของตนเองว่าหนักหนาแล้วนะ แต่พอมาเจอกับความผิดหวังที่เกิดจากบุคคลที่เคารพและเราฝากความหวังกับเขา เป็นความสิ้นหวังที่อธิบายออกมาไม่ได้ พูดง่าย ๆ คือ ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกสิ้นหวังนั้นออกมาเป็นคำพูดได้ ไม่มีคำพูดใดที่ใกล้เคียงความรู้สึกนั้นด้วยซ้ำ

จำได้เลยว่า ในวันที่ผู้เขียนเดินออกมาจากตรงนั้น สำหรับตัวเองคือ “เราหลุดพ้นจากตรงนั้นแล้วนะ” แต่เมื่อมองไปยังเพื่อน ๆ  และน้อง ๆ แต่ละคน ผู้ซึ่งพยายามใช้ชีวิตอยู่บนสำนึกที่ดีมาตลอด รู้สึกจุกอกอย่างบอกไม่ถูก เนื่องจากเราไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้เลย เพราะ ณ โมเม้นท์นั้น คือเราไม่สามารถช่วยเหลือใครได้ แม้กระทั่งตัวเอง จึงเป็นความจำเป็นโดยปริยาย ที่ทุกคนจะต้องหาวิธีประคองความรู้สึกที่แตกร้าวนั้นด้วยตัวเอง

เพลง Tear ที่ผู้เขียนใช้ฟังเพื่อตอกย้ำความรู้สึกที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น จึงเต็มไปด้วยการกล่าวโทษ เป็นการกระทำที่มองออกไปยังข้างนอกเพียงอย่างเดียว ความรู้สึกไม่ยุติธรรม กล่าวโทษเกลียดชัง กับ เพลง Tear ในวันนี้ มีอารมณ์และความหมายในชีวิตของผู้เขียนที่แตกต่างกันออกไปมาก เช่นเดียวกันกับเนื้อหาในบทความตอนนี้ เพราะ ณ ตอนนั้นบทความเต็มไปด้วยภาษาที่แฝงไปด้วยอารมณ์โกรธเคือง เป็นการระบายอารณ์ซะมากกว่า จึงรู้สึกขอบคุณความคิดในหัวตัวเองที่แว๊บเข้ามาในตอนนั้น ความคิดที่เข้ามาเบรกผู้เขียนไม่ให้ลงบทความในตอนนั้นที่ว่า “ความรู้สึกที่ปนเปื้อนกับความโกรธ ไม่น่าจะใช่สิ่งที่ดีนักที่จะออกมาแบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ ARMY และ การจะออกมาแบ่งปันอะไรสักอย่างนั้นหมายความว่าเธอจะต้องเข้าใจมันอย่างถ่องแท้”

ภาพจาก Weverse

มาถึงวันนี้ วันที่ผู้เขียนสามารถหลุดพ้นจากจุดนั้น วันที่ผู้เขียนได้ตกตะกอนกับตัวเองว่า “จิตใจก่อให้เกิดความงดงามได้อย่างอัศจรรย์ แต่ในขณะเดียวกัน จิตใจมีอนุภาพในการทำลายอย่างนึกไม่ถึงเช่นเดียวกัน” การเลือกใช้ความมืดบอดในจิตใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ที่พวกเขาเลือกที่จะเอาด้านมืดบอดในตัวเองออกมาใช้ สิ่งนี้กลับทำให้ผู้เขียนได้เรียนรู้ว่า “ให้เฝ้าระวังด้านมืดบอดในตัวเองไว้ให้ดี เพราะมันอาจจะทำร้ายใครเข้าในสักวันก็เป็นได้” ให้นึกถึงความรู้สึกของตนเอง ณ ตอนนั้นไว้ นึกถึงไม่ใช่เพื่อกักเก็บความรู้สึกนั้นไว้ แต่ให้นึกถึงไว้ว่า การใช้เวลาในการเยียวยาตัวเองของแต่ละคนนั้นมีระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไป ใช่ว่าทุกคนจะกลับมามีสายตาที่งดงามกับโลกใบนี้ได้ ในทางตรงกันข้ามวิวที่พวกเขากำลังมองออกไปอาจจะมืดมิดไปตลอดเลยก็ได้

การกลับมามีแววตาที่สดใสของผู้เขียนในวันนี้ BTS เป็นส่วนประกอบสำคัญในการฟื้นฟูจิตใจของผู้เขียนเป็นอย่างมาก เพราะจากการปล่อยผลงานเดี่ยวของ 3 Rap line คือตัวแปรสำคัญในการฟื้นฟูจิตใจ ความรู้สึกไม่ยุติธรรมและกล่าวโทษได้ปลดล็อค ในวันที่ยุนกิปล่อยอัลบั้ม D-DAY ออกมา ข้อความที่ยาวเหยียดดังจดหมายของนัมจุนแต่ละฉบับคือพลังงานที่ปลอบโยนหัวใจของผู้เขียน และด้วยเพลง Equal Sign ของเจโฮป ทำให้ผู้เขียนกลับมามองเห็นความหวังและมีแววตาที่สดใสขึ้นมาอีกครั้ง

และครั้นที่ผู้เขียนกลับมาเข้มแข็งในระดับหนึ่ง และครั้นที่ผู้เขียนได้หยิบบทความนี้ขึ้นมาเขียนอีกครั้ง ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เพลง Outro:Tear ในอัลบั้ม LOVE YOURSELF กลับมาอีกครั้ง สิ่งนี้ถึงกับทำให้ผู้เขียนรู้สึกอัศจรรย์ใจเลยทีเดียว จนตอนนี้ผู้เขียนมีความเชื่อว่า “ระหว่างบังทันกับ ผู้เขียนการ พบกันของเราคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันถูกกำหนดด้วยโชคชะตา”

ขอบคุณ บังทันฯ ที่แสดงให้เห็นถึงอนุภาพและความเป็นไปได้ของความหวัง ขอบคุณที่ส่งพลังงานมาให้ ในตอนที่ความหวังและความสดใสของผู้เขียนกำลังแตกสลาย คราบน้ำตาแห่งความสิ้นหวังในวันนั้น ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่สดใสอีกครั้ง และเพิ่มเติมคือจิตใจดวงนี้ของผู้เขียนแข็งแกร่งขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งแล้วนะ

“อาโพ บังโพ”

แหล่งข้อมูล : [슈취타] EP.18 SUGA with V

เนื้อเพลง :คำแปลเพลง BTS – Outro: Tear | BTS’ Lyrics in Thai (candyclover.com)

ภาพจาก : Weverse
เขียนโดย : I AM LUCKY 23

About the Author /

sugadalek07@gmail.com

Post a Comment