People จาก Agust D

People จาก Agust D อืม!!! ทำไมต้องจริงจังขนาดนั้นนะ ?

“People จาก Agust D เพราะเราต่างก็มีวิถีทางเป็นของตนเอง”

หลังจากที่ได้ติดตาม BTS มาได้ระยะเวลาหนึ่งจนถึงตอนนี้ ต้องยอมรับว่า ยังไม่ได้ฟังเพลงของพวกเขาหมดทุกเพลง แถมยังมีบางเพลงที่ไม่รู้จักชื่อหรือยังไม่เคยฟังอีกด้วย แต่ในบรรดาเพลงของ BTS ที่ผู้เขียนรู้จักทั้งหมด นอกจากเพลง Magic Shop ที่ผู้เขียนเองชื่นชอบเป็นพิเศษแล้วนั้น ก็จะมีเพลงของ Agust D หรือที่รู้จักกันในนาม Suga แห่ง BTS หรือ Min Yoongi (คน Genius ของเหล่าบรรดา Army) ที่ผู้เขียนฟังบ่อยครั้ง อาจเป็นเพราะ ด้วยเนื้อเพลง บวกกับจังหวะอารมณ์ของเพลงสามารถตอบโจทย์อารมณ์ภายในของตนเองในช่วงเวลานี้ด้วย บางครั้งที่มีเรื่องหนัก ๆ ในใจไม่รู้จะทำยังไง ก็เปิดเพลงของ Agust D ฟัง ฟังโดยไม่รู้ความหมาย แต่ด้วยน้ำเสียงหรือจังหวะเพลง ช่วยทำให้ใจหายหนักใจได้เหมือนกันนะ อาจจะเป็นเพราะได้ปลดปล่อยอารมณ์บางส่วนไปกับเพลงไปเรียบร้อยแล้วมั๊ง (แต่ก็ใช่ว่าจะได้ผลตลอดนะ บางทียิ่งฟังก็ยิ่งหนักกว่าเดิม 5+++  ต้องหาทางระบายออกด้วยวิธีอื่น)

โดยส่วนตัวชอบฟังเพลงของ Agust D แล้วก็คิดว่าน่าจะเป็นแนวเพลงที่ตัวเองชอบเพราะสามารถฟังได้ไปเรื่อย ๆ และเพราะแต่ละเพลงของเขาดูมีเรื่องราวเป็นของตนเอง เป็นเพลงที่สามารถทำให้คนที่ชอบอยู่ในโลกอุดมคติอย่างผู้เขียน ได้กลับมาตระหนักถึงความเป็นจริงว่า ในโลกใบนี้มีมุมที่หยาบกระด้างเกินกว่าที่จะรับได้เหมือนกันนะ และในตัวเราเองมีมุมหยาบ ๆ ไม่ได้ดีจนมีสิทธิ์ที่จะด่วนไปตัดสินคนอื่น หรือสิ่งอื่นได้ด้วยเหมือนกัน

การได้มาฟังเพลง “People” หรือถ้าแปลเป็นไทย ก็คือ “ผู้คน” เป็นการเคาะสติของผู้เขียนเบา ๆ เพราะทำให้ตัวเองได้กลับมาคิดได้ว่าการที่เราชอบคิดถึงความสมบูรณ์แบบ ความดีงามที่ไม่สามารถกลายเป็นความจริงได้ ทำให้บางครั้งลงมือพยายามทำอะไรบางอย่าง อย่างผิด ๆ เรียกง่าย ๆ คือ เพ้อฝันไม่ยอมรับความจริง จนสำคัญตัวเองผิดไป หลงชื่นชมตัวเองว่าดี บางครั้งมีถึงกระทั่งที่คิดว่าสามารถควบคุมทุกอย่างให้เป็นตามใจคิดได้ กว่าจะคิดได้(ในระดับหนึ่ง)พอย้อนกลับไปดูการกระทำของตนเอง เป็นการกระทำที่ตลกแต่ก็ขำไม่ออก เพราะในช่วงที่หลงคิดว่าตัวเองเก่ง คือช่วงที่ทำอะไรที่ไม่ฉลาดลงไปอย่างมาก กว่าจะคิดได้ว่าตัวเองเป็นเพียงแค่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่มีขีดจำกัดในตัวเองไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างที่คิดได้ โลกจะเปลี่ยนแปลงตามที่มันควรจะเป็น สิ่งรอบ ๆ ตัวมีความสวยงามหรือ ความหยาบกระด้างก็เป็นไปตามวิถีทางของมันเหมือนกัน เราเองก็แค่ต้องใช้ชีวิตของตนเองไปก็เท่านั้น  กว่าจะยอมรับได้มากขึ้นว่า ตัวเองมีมุมหยาบ ๆ ไม่น่ารักที่ตนเองมองข้ามอีกมากมาย ต้องใช้เวลาในการยอมรับพอสมควร

ยังมีสิ่งหนึ่งที่ที่ผู้เขียนต้องทำความเข้าใจและยอมรับ โดยพยายามไม่หลอกตัวเองคือ บางครั้งในเส้นทางเติบโต สิ่งสวยงามที่ตัวเองวาดฝันนั้นอาจจะช่วยให้เติบโตอย่างดี แต่อาจจะไม่สามารถช่วยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ แต่การจะมีชีวิตต่อไปได้ในนั้น บางครั้งเราจำเป็นต้องเอาด้านมืดในตัวเองออกมาใช้เพื่อรักษาตัวเองให้รอดด้วยเหมือนกัน ทุกอย่างมีคุณค่าและมีเวลาเป็นของตัวเอง ซึ่งเราไม่สามารถกำหนดและควบคุมได้

เชื่อว่าเพื่อนผู้อ่านเองก็มีช่วงเวลาที่คล้าย ๆ กันอยู่บ้าง ในระหว่างที่พยายามเติบโต ในระหว่างที่พยายามค้นหาความหมายในการใช้ชีวิตของตนเอง บางครั้งต้องเจอกับความกดดัน หรือความท้อใจต่าง ๆ นานา ด้วยความไม่รู้จึงได้ทำอะไรผิดพลาดลงไปบ้าง ด้วยความจำเป็นบางอย่างทำให้เราไม่มีทางเลือกมากนัก ยิ่ง ณ เวลานี้ดูเหมือนว่า ไม่ว่าจะวัยไหน อายุเท่าไหร่ ทุกคนต่างมีเรื่องราวที่ต้องแบกรับกันไปคนละอย่าง ทุกคนต่างจริงจังกันไปคนละรูปแบบ แต่ผู้เขียนคิดว่าปลายทางของเราคงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก สิ่งที่เราพยายามแสวงหาคือ ความสุข เราอยากมีตัวตน อยากเป็นคนที่มีประโยชน์ อยากเป็นที่ยอมรับของใครสักคน และการอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้

เมื่อได้ฟังเพลง People ผู้เขียนรู้สึกว่าเพลงนี้ยังเป็นเพลงที่สอนให้เราปล่อยวางเหมือนกันนะ จากบางช่วงบางตอนของเนื้อเพลง “สายน้ำมันไหลของมันไป อาจมีอะไรอยู่ที่ปลายทาง สิ่งที่ดีตามแต่ ชีวิตที่พิเศษ หรือชีวิตที่ธรรมดามันคือสิ่งที่ดี สิ่งที่ดีมันคือสิ่งที่ดี” คือให้มองดูสิ่งรอบ ๆ ตัวตามความเป็นจริง มีมุมที่ชี้ให้เห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีทางเป็นของตนเอง ผู้คนเปลี่ยน เราเองก็เปลี่ยน ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป บางครั้งก็ต้องพบเจอกับความผิดหวัง ความเจ็บปวด ไม่ได้รับความยุติธรรมบ้าง แต่สุดท้ายไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป มีผ่านเข้ามา แล้วก็จะจากไปตามวิถีทาง สุดท้ายก็จะสิ่งนั้น เหตุการณ์นั้นก็จะถูกลืม 

People จาก Agust D ทำให้เกิคคำถามและได้คำตอบในเวลาเดียวกันให้กับตัวผู้เขียน ด้วยคำว่า อืม!!! ทำไมต้องจริงจังขนาดนั้นนะ? เราไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมกับทุกเรื่อง อะไรที่ไม่ใช่ก็ตัดออกไป อะไรที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ก็ต้องฝึกทำใจยอมรับ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วนั้นดีเสมอ  

นอกจากนี้บทเพลงของ Agust D ยังเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในระหว่างเส้นทางที่เขาเองพยายามที่จะเติบโตขึ้นมาอย่างดี เล่าเรื่องราวความฝัน การเดินทาง ผ่านความยากลำบาก ผ่านความเจ็บปวด การต่อสู้ระหว่างเส้นทางการเติบโตจากสถานการณ์ภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ อีกทั้งยังต้องต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ข้างในตัวเอง ความรู้สึกสงสัยในตัวเอง ความกดดันต่าง ๆ จากความคาดหวังในตัวเอง จนท้ายที่สุดเกิดการสูญเสียตัวตน ด้วยการเกิดสภาวะโรคซึมเศร้าเข้ามารุมเร้า คงไม่ง่ายที่เขาจะผ่านจุด ๆ นี้มาได้เหมือนอย่างทุกวันนี้

จากที่ได้ติดตาม BTS การเปิดเผยถึงสภาวะโรคซึมเศร้าของ Min Yoongi ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เขียนอยากเป็นผู้ฟังที่ดีขึ้น อยากรับฟังได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการฟังคนรอบข้างในเวลาที่เขาต้องการเรา หรือ การกลับมารับฟังตัวเองก็ตาม ฟังเพื่อจะได้เข้าใจมากขึ้น ฟังอย่างไม่ตัดสิน เพราะการฟังอย่างแท้จริงไม่ง่าย แต่ก็คุ้มค่าที่จะฝึกฝน เพราะในวันที่เราไม่สบายใจเราเองก็อยากมีใครสักคนคอยรับฟัง และถ้าการรับฟังใครสักคนหนึ่งทำให้เขากลับมามีความหวังในชีวิตอีกครั้งคงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ว่ามั๊ย?

สุดท้ายหากผู้อ่านทุกท่านอยากทราบความหมายบทเพลงของ Agust D เพิ่มเติมสามารถกดเข้าไปดูคำแปลได้ตามลิงค์นี้ได้เลยค่ะ คำแปลเนื้อเพลงทุกเพลงจากอัลบั้ม D-2 โดย AGUST D | CANDYCLOVER  และยังมีเรื่องราวจาก Agust D ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เขียน และอยากให้ทุกคนได้อ่านด้วยเช่นกัน เพื่อนผู้อ่านสามารถเข้าไปอ่านตามลิงค์นี้ได้ด้วยเช่นกัน สาเหตุที่ SUGA จาก BTS ทำเพลงที่เปิดเผยถึง โรคซึมเศร้า | CANDYCLOVER

สุดท้าย ท้ายสุดจริง ๆ นะคะ ผู้เขียนเองมีคำพูดหนึ่งที่พูดกับตัวเองบ่อย ๆ จึงอยากแบ่งปัน เผื่อบางทีอาจจะช่วยเป็นกำลังใจให้แก่เพื่อนผู้อ่านบางท่านได้

“ยังไงซะ ชีวิตก็คือของขวัญ มีความหมายในตัวเอง ถึงแม้บางช่วงบางตอนมันอาจจะเฮงซวย
แต่มันจะผ่านไปด้วยดี ในทางที่มันควรจะเป็น”

ทำไมเราต้องจริงจังกันถึงขนาดนั้นด้วยนะ ใช่ไหม ?

เขียนโดย: I AM LUCKY 23
แปลเนื้อเพลงโดย: CANDYCLOVER

About the Author /

sugadalek07@gmail.com

Post a Comment