โรคซึมเศร้า

สาเหตุที่ SUGA จาก BTS ทำเพลงที่เปิดเผยถึงภาวะโรคซึมเศร้า

SUGA แรปเปอร์, ศิลปิน, โปรดิวเซอร์ และนักแต่งเพลงจากศิลปินปรากฏการณ์ K-Pop อย่าง BTS ผู้นี้คือคน ๆ หนึ่งที่มีความทรงจำที่ขมขื่นจากโรคซึมเศร้า (Depression), โรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) และโรคกลัวการเข้าสังคม (Sociophobia) แม้เขาจะอยากทำเพลง แต่ด้วยสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้เขาต้องรับทำงานพิเศษ จนเคยประสบอุบัติเหตุหัวไหล่แตกมาแล้ว

ในอัลบั้มมิกซ์เทปที่ SUGA โปรดิวซ์และปล่อยให้ฟังฟรีนั้น มีเพลงอยู่เพลงหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘The Last (마지막)’ เพลงนี้คงไว้ซึ่งความรู้สึกของ SUGA ที่ผ่านช่วงวัยรุ่นอันยากลำบาก จนกระทั่งเขาได้กลายมาเป็นไอดอล

ในการสัมภาษณ์กับ Yonhap News เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมา SUGA ได้รับคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ นักข่าวถามเขาว่า “ตั้งแต่ปี 2013 ที่เดบิวต์ พวกคุณเผชิญหน้ากับความฝันและความเป็นจริงของเด็กและวัยรุ่น เพลง ‘The Last (마지막)’ ในมิกซ์เทปของ SUGA เปิดใจถึงความรู้สึกแปลกแยกในชีวิตจริง อีกทั้งโรคซึมเศร้าและโรคย้ำคิดย้ำทำ ในช่วงที่ฝันจะเป็นไอดอล เมื่อย้อนกลับไปสมัยช่วงที่เป็นเด็กฝึก นั้น คุณอาชนะแรงหวาดวิตกได้อย่างไร และคิดว่าตอนนี้อยู่จุดไหนของสิ่งที่ฝันเอาไว้”

SUGA ตอบ “ความรู้สึกหวั่นกลัวและเดียวดายจะอยู่กับเราไปตลอดทั้งชีวิต ผมให้ความสำคัญว่าจะคลี่คลายตัวเองจากสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีไหน แต่ยังไงแล้วเราก็ต้องเรียนรู้ไปตลอดทั้งชีวิตครับ”

เขายังเอ่ยถึงสาเหตุที่แต่งเนื้อเพลง ‘The Last (마지막)’ ด้วยว่า “ความรู้สึกในแต่ละสถานการณ์และในแต่ละช่วงเวลานั้นแตกต่างกันมาก ผมคิดว่าการใช้ชีวิตก็คือการที่เรามีความวิตกกังวลอยู่ในทุกช่วงเวลา เพราะฉะนั้นผมถึงอยากบอกผู้คนมากมายผ่านเนื้อเพลงเพลงนี้ว่า ‘ผมเองก็หวั่นวิตก คุณเองก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นมาเรียนรู้ไปด้วยกันแล้วกัน’ ครับ”

ตัวตนภายในของ SUGA ที่ค่อนข้างมีความหมองหม่น ถูกเผยให้เห็นในเพลงที่มีชื่อว่า ‘The Last (마지막)’


ในอีกด้านของไอดอลแรพเปอร์คนดัง มีตัวตนที่อ่อนแอกำลังยืนอยู่ แอบอันตราย โรคซึมเศร้า โรคย้ำคิดย้ำทำ คอยกำเริบอยู่เรื่อยไป Hell no หรือนั่นมันคือตัวฉันเองจริงๆ กัน ฉันไม่รู้เลย

บางทีฉันยังกลัวตัวเอง เพราะความเกลียดชังตัวเองกับโรคซึมเศร้าที่กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง มินยุนกิน่ะตายไปแล้ว (ฉันมันตายไปแล้ว) นานมาแล้วที่ความรักความชอบที่สูญสิ้นกับการเปรียบเทียบตัวฉันกับใครต่อใคร มันกลายเป็นสิ่งที่ทำในชีวิตประจำวัน

ราวกับ SUGA ได้พูดว่า “ถึงจะทำฝันได้สำเร็จ แต่ตัวตนภายในที่สั่นคลอนก็ยังไม่หายไปเป็นปลิดทิ้ง” แต่ดูจากการสัมภาษณ์ครั้งสุดแล้ว ราวกับว่าตัวเขาได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ดี

SUGA กล่าว “ผมไม่เคยไม่มีความฝันเลยครับ และผมก็ทำความฝันทั้งหมดสำเร็จแล้ว ตอนเป็นเด็กฝึก การได้เดบิวต์เป็นศิลปินเพื่อที่จะได้ทำเพลงคือความฝันของผม, หลังเดบิวต์มาก็มีโอกาสได้ที่ 1, พอได้ที่ 1 แล้วก็ได้แดซัง แล้วก็ได้ออกไปญี่ปุ่นกับอเมริกา ความจริงแล้ว Billboard หรือกระทั่ง AMA นั้นเป็นเรื่องของอนาคต แต่พวกเราก็ทำได้สำเร็จแล้ว” นอกจากนั้นยังเผยความรู้สึกอีกว่า “ถึงตอนนี้ผมจะไม่ได้อยู่ในอารมณ์มุ่งหน้าสู่ความฝันที่ชัดเจนเหมือนแต่ก่อน แต่คุณค่าและความสุขในฐานะมนุษย์ก็ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่หนึ่งปีที่ผ่านมาก็เป็นจุดเปลี่ยนทีเดียวครับ ผมทำเพลงมาเกิน 10 ปีแล้วตั้งแต่ก่อนเดบิวต์ทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่ถึง 26 ซึ่งก็หมายความว่าผมจะทำเพลงไปอีกยาวนานยิ่งขึ้นครับ”

■ คำแปลเนื้อเพลง ‘The Last (마지막)’ ฉบับเต็ม

FYI : ในคำแปลนี้ใช้คำแปลบางส่วนที่รุนแรงให้สอดคล้องกับอารมณ์ของเนื้อหา

ในอีกด้านของไอดอลแรพเปอร์คนดัง
มีตัวตนที่อ่อนแอกำลังยืนอยู่ แอบอันตราย
โรคซึมเศร้า โรคย้ำคิดย้ำทำ คอยกำเริบอยู่เรื่อยไป
Hell no หรือนั่นมันคือตัวฉันเองจริงๆ กัน ฉันไม่รู้เลย
Damn huh ความรู้สึกแปลกแยกจากความเป็นจริง
ความขัดแย้งจากมโนคติ ปวดหัวจริงๆ
ก็ราวๆ อายุ 18 ที่กลายเป็นโรคหวาดกลัวสังคม
นั่นล่ะ ก็ราวๆ ตอนนั้นเองที่จิตใจฉันมันค่อยๆ แปดเปื้อนลง

บางทีฉันยังกลัวตัวเอง
ก็เพราะความเกลียดชังตัวเอง กับโรคซึมเศร้าที่กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง
มินยุนกิน่ะตายไปแล้ว (ฉันมันตายไปแล้ว)
นานมาแล้วที่ความรักความชอบที่สูญสิ้นกับการเปรียบเทียบตัวฉันกับใครต่อใคร
มันกลายเป็นสิ่งที่ทำในชีวิตประจำวัน

วันที่ไปหาจิตแพทย์ครั้งแรก พ่อแม่ฉันก็ขึ้นมา
ฟังคำแนะนำด้วยกัน พ่อแม่กลับบอกว่าแทบไม่รู้จักตัวฉันเลย
กระทั่งฉันเองยังแทบไม่รู้จักตัวเอง
แล้วใครมันจะไปรู้กัน
จะเพื่อน? หรือมึง? ใครมันจะไปรู้จักตัวฉันกัน

หมอถามฉันคำ
ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า ฉันน่ะเคย

คำที่ติดปากเป็นนิสัย
Uh, I don’t give a shit. I don’t give a fuck.
ไอ้คำพวกนั้น uh ที่ฉันเอาไว้ปิดบังตัวฉันที่อ่อนแอ
ตอนนั้นที่อยากลบเลือน นั่นล่ะ วันแสดงวันหนึ่งวันนั้นที่แทบเลือนลางในความทรงจำ
ฉันที่หวาดกลัวผู้คน หลบซ่อนอยู่ในห้องน้ำเพื่อเผชิญกับตัวฉันเอง

ในตอนนั้น ฉัน ในตอนนั้น ฉัน
เข้าใจว่าความสำเร็จจะชดเชยทุกอย่างได้
แต่เห็นมั้ยล่ะ แต่เห็นมั้ยล่ะ
ยิ่งคืนวันผ่านพ้นกลับยิ่งรู้สึกว่ากลายเป็นปีศาจไปเลย

ปีศาจในชื่อความสำเร็จที่แลกเอาชีวิตวัยรุ่น
กำลังเรียกร้องเอาวาสนาฉัน
ความกระหายที่เคยเป็นอาวุธกำลังกลืนกินและพังทลายฉัน บางทีเหมือนโดนลากคอ
บางสิ่งบางอย่างที่อุดปากและบอกให้ฉันกล้ำกลืนความผิดชอบชั่วดีลงไป
I don’t want it
พวกมันนี่อยากให้ฉันลงจากเขาลูกนี้ซะจริง

Shit, shit รู้ละ ขอนะ หยุดเถอะ
ต้นเหตุของทุกสิ่งนี้คือตัวฉันนี่นะ ฉันจะหยุดเอง
ถ้าความโชคร้ายของฉันมันคือความสุขของพวกแก ฉันเต็มใจมอบความโชคร้ายนี้ให้เลย
ถ้าเป้าแห่งความเกลียดชังคือฉัน ฉันจะขึ้นกิโยตินให้เลย

ฝันที่วาดไว้ในวัยเด็กมันกลายเป็นจริงๆ กับตา
คืนนั้นที่แสดงต่อหน้าคนสองคน ตอนนี้โตเกียวโดมอยู่เพียงปลายจมูกฉัน
ชีวิตที่มีเพียงครั้งเดียวก็ใช้มันเต็มที่ยิ่งกว่าใครๆ
My fan, my homie, my fam
ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ Damn

แก่นแท้ของฉัน ที่ฉันปฏิเสธอยู่หลายครา
ที่อยู่ฉันมันคือไอดอล ฉันจะไม่ปฏิเสธอีกต่อไป
ความเศร้าที่ทิ่มแทงตัวฉันหลายครั้งครา
ปลายทางของการร่อนเร่กลับไม่มีคำตอบอะไร

ความภูมิใจในตัวเองที่คิดว่าเป็นการทรยศ ตอนนี้มันกลายเป็นความภูมิใจของฉัน
จะมีใครทำให้แฟนๆ
โยกหัวอย่างสัตย์ซื่อได้เท่าฉัน uh

จากเซโกะสู่โรเล็กซ์
จากอักซ์โคเรียสู่ยิมนาสติกสเตเดี้ยม
หลายหัวที่ผงกรับตอนฉันขยับนิ้วเพียงครั้งเดียว
ไม่ใช่ว่าฉันไปออก Show me the money ไม่ได้
แต่ฉันจะไม่ไปไง Shit
ไม่ใช่ว่าพวกมึงขายกูไม่ได้
แต่มึงทำไม่ได้ต่างหากไง Shit
รสหวาน รสขม กระทั่งรสเน่าๆ ในหนึ่งโลกที่ฉันสรรสร้าง ลองลิ้มรสดูหมดแล้วล่ะสิ
ในตอนนั้นที่ฉันพยายามจะนอนบนพื้นห้องน้ำ จากนี้มันกลายเป็นความทรงจำสำหรับฉัน uh
กลายเป็นความทรงจำ
ไหล่ที่แตกเป็นเสี่ยงๆ จากอุบัติเหตุตอนทำงานพิเศษ
การเดบิวต์ที่ฉันฉวยเอาไว้ แกคิดว่ายืนอยู่ตรงหน้าใคร ถึงมาแสร้งทำว่าลำบากแบบนี้กัน

จากเซโกะสู่โรเล็กซ์
จากอักซ์โคเรียสู่ยิมนาสติกสเตเดี้ยม
หลายหัวที่ผงกรับตอนฉันขยับนิ้วเพียงครั้งเดียว
ลิมิตที่ฉันสร้างเอง uh ดูฉันที่ฉลาดคนนี้สิ uh
ไม่ใช่ว่ามึงขายกูไม่ได้
แต่มึงทำไม่ได้ต่างหากไงShit

ที่มา | Joong-ang Ilbo
แปลจากเกาหลีเป็นโทยโดย CANDYCLOVER

DMCA.com Protection Status

ทาง CANDYCLOVER มีความยินดีหากผู้อ่านเล็งเห็นประโยชน์ของคอนเทนต์นี้ และต้องการนำไปประกอบเอกสารหรือสื่อทางการศึกษา เผยแพร่ต่อบนโซเชียลมีเดีย รวมถึงนำไปผลิตของที่ระลึก เช่น Giveaway สำหรับแจกฟรี มิใช่การจัดจำหน่าย

หากต้องการนำข้อมูลไปใช้อ้างอิง กรุณาติดต่อทางอีเมลล์ bts.candyclover@gmail.com และรอการตอบกลับที่ระบุว่าอนุญาตแล้วเท่านั้น ยกเว้นกรณีการนำข้อมูลที่ “แปล เรียบเรียง หรือจัดทำโดย CANDYCLOVER” ไปรีโพสต์ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ รีโพสต์บนแฟนเพจ เว็บไซต์ หรือเว็บบอร์ด ที่มิใช่แพลตฟอร์มของ CANDYCLOVER พร้อมใส่เครดิตเองโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงนำไปเป็นคอนเทนต์ทางสื่อโทรทัศน์ หรือกระทำการใด ๆ ก็ตามที่เข้าข่ายแอบอ้างผลงาน หากพบเห็นจะดำเนินคดีทางกฎหมายให้ถึงที่สุด

หากท่านชื่นชอบคอนเทนต์ที่ CANDYCLOVER นำเสนอ สามารถให้การสนับสนุนพวกเราได้ง่าย ๆ เพียง 1.) ไม่สนับสนุนแอคเคาต์ที่แอบอ้างข้อมูลที่แปลโดย CANDYCLOVER 2.) รีพอร์ตแอคเคาต์ดังกล่าวผ่านระบบของแพลตฟอร์มที่ท่านพบเห็นโพสต์ที่เข้าข่าย โดยเลือกหัวข้อ “ละเมิดลิขสิทธิ์” 3.) สนับสนุนค่ากาแฟทาง Ko-fi หรือ Patreon

About the Author /

bts.candyclover@gmail.com

I go by the name Candy, a co-founder, admin, designer, translator, writer of and for CANDYCLOVER. I'm a graphic/UI designer and a self-taught Korean translator who's passionate about telling success stories of BTS in the form of mixed media from graphic to web-based experiences. Now, I'm also pursuing my career as a professional Korean translator. My recent book-length translation projects are: I AM BTS (TH Edition), BTS The Review (TH Edition) and more to come!

Post a Comment