ดนตรีจากหัวใจที่บริสุทธิ์ตลอดไป Jin

ดนตรีจากหัวใจที่บริสุทธิ์ตลอดไป Jin; รีวิว เพลงเดี่ยวของ Jin | The music of ”forever boy” Jin; A look at his solo song —แปลบทความโดย Randy Suh, weverse magazine

ทุกครั้งที่ฉันเห็น Jin วง BTS และออร่าของเขา เขาดูราวกับเด็กคนหนึ่งสำหรับฉัน ในฐานะไอดอลเขาอาจมีบุคลิกมากมาย แต่นั่นคือความประทับใจโดยรวมที่ฉันมีต่อเขา แม้เขาจะมีเค้าโครงหน้าที่คมคายและหล่อเหลา แต่ใบหน้าอันอ่อนโยนของเขาก็ทำให้ดูอ่อนเยาว์กว่าความเป็นจริง เขามีมุกเล็กมุกน้อยหยอกเย้ากับสมาชิกวงและสตาฟเสมอในทุกคลิปวิดีโอ เขาเป็นแฟนตัวยงเกม Maple Story กว่าครึ่งชีวิต เขาชื่นชอบคาแรกเตอร์น่ารัก ๆ แบบ RJ คาแรกเตอร์ที่เจ้าตัวสร้างให้กับไลน์ BT21 ในขณะเดียวกันเขากลับมีลักษณะซื่อตรงและสง่างาม เหมาะกับชุดสูท อากัปกิริยายอดเยี่ยมไปเสียทุกท่วงท่า ความใส่ใจผู้อื่นปรากฎออกมาผ่านวิธีพูดแบบสุภาพและคุยเรื่อยเปื่อยบางโอกาส เขารักษาความสุขุมไว้ได้ในสถานการณ์ตึงเครียด และคอยย้ำถึงความสำคัญของการคงความจริงใจในงานดนตรี Jin คือสมาชิกที่มีบุคลิกเปิดเผยน้อยคนหนึ่งในวง BTS แต่ไม่ใช่เพื่อคงบรรยากาศแบบลึกลับเอาไว้ แต่ยิ่งไปกว่านั้น เขาเลือกคำพูดอย่างระมัดระวังเพราะแค่ต้องการแบ่งปันด้านดี ๆ กับแฟน ๆ เท่านั้นเอง คล้ายคำเปรียบเปรยที่เขาใช้ในสัมภาษณ์ก่อนหน้า Jin เป็นคนแบบที่ไม่ข้ามถนนบนสัญญาณ “ห้ามข้าม” แม้จะไม่มีใครจับผิดอยู่ในบริเวณนั้นก็ตาม จากบริบททั้งหมดแล้ว มันไม่ได้หมายความว่าเขากำลังยกตัวอย่างการทำตามค่านิยมของสังคมอย่างเคร่งครัด แต่มันคือความเชื่อมั่นที่ว่าการเป็นคนดีคือแนวทางที่ถูกต้อง ส่วนนี้ของเขาเป็นภาพของคนที่ยังเป็นเด็กตลอดไป หรือเรียกว่าผู้ใหญ่ที่มีจิตใจบริสุทธิ์นั่นเอง

เสียงของเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของภาพลักษณ์เช่นเดียวกัน นั่นคือมันมีความเป็นเด็ก และก็ยังมีความเป็นผู้ใหญ่ เสียงของเขามีลักษณะเป็นเส้นตรงมากที่สุดในหมู่สมาชิกวง BTS เขามีเสียงที่นุ่มนวล งดงาม แต่ก็สามารถปลดปล่อยเสียงสูงทรงพลังได้ บางครั้งจะมีเสียงนาสิกเพิ่มเข้ามาเล็กน้อยแต่ทว่าสะกิดใจ ทำให้โทนเสียงดูเด็กยิ่งขึ้น ซึ่งเข้ากันเป็นอย่างดีกับเนื้อเสียงที่สละสลวยของเขา เขาใช้ประโยชน์ในจุดนี้ทำให้บางการแสดงฟังแล้วรู้สึกน่าทะนุถนอม บางครั้งรู้สึกเศร้าสลด เพลง “Yours” ซึ่งเป็นซาวด์แทร็กประกอบซีรีส์ Jirisan คือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ เสียงที่นุ่มนวลอ่อนเยาว์ของเขาราวจะแตกสลาย ฟังแล้วโศกเศร้าแต่กลับสง่างาม อย่างพืชพรรณที่เจริญเติบโตตามเขาหิน บอบบางแต่ไม่อาจถูกทำลาย

อิทธิพลดนตรีป็อปแบบเก่าของเกาหลีปรากฏชัดเจนอยู่ในสไตล์การร้องของเขาเช่นเดียวกัน เขาจะร้องโน้ตเปิดด้วยการถอนหายใจ ไม่อย่างนั้นก็จะใช้การเบี่ยงโน๊ต (เทคนิคที่นักร้องใช้ในการเริ่มต้นด้วยโน้ตตัวหนึ่งแล้วเคลื่อนไปอีกตัวหนึ่ง) ในบรรดาเทคนิคอื่น ๆ เทคนิคนี้ใช้ได้ผลดีเป็นพิเศษเมื่อเขาร้องเพลงป็อปของยุค 90s ถึง 00s ในวิดีโอต่าง ๆ จากรายการ Run BTS และ BANGTAN BOMB  ซึ่งทำให้เพลงของเขาฟังดูโตขึ้น ต่างกับเสียงที่อ่อนวัยของเขา ผลที่ตามมานั้นช่างน่าตื่นเต้น เหมือนนักแสดงเด็กกำลังพูดบทยาก ๆ ในละครประวัติศาสตร์ หรือผู้จัดการคนหนึ่งซึ่งชินกับการพูดเสียงสองที่บ้านแล้วดันเผลอพูดแบบเดียวกันกับพนักงาน ส่วนผสมอันขัดแย้งกันเช่นนี้เองที่สร้างส่วนผสานอันแสนหวานขึ้นมา

เพลงเดี่ยวทั้งหมดของ Jin มีหลายสิ่งที่คล้ายกัน เพลงของเขามักเน้นทำนองมากกว่าจังหวะ มีลักษณะเนื้อเพลงแบบบทกวี ใช้จังหวะที่ช้าลงและเป็นสไตล์บัลลาด(หรือแม้กระทั่งร็อก)มากกว่าฮิปฮอป เพลงแรกสุดที่เขาเคยร้องคัฟเวอร์ปล่อยทางออนไลน์คือ “Mom” ของ Ra.D ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบในหมู่วัยรุ่น เพลงเดี่ยวเพลงแรกของเขาในอัลบั้มของ BTS คือ “Awake” ก็เป็นบัลลาดอันรุ่มรวยด้วยเครื่องสายและเสียงร้องอันไพเราะ เพลงเดี่ยวเพลงต่อมาคือ “Epiphany” ซึ่งนำเอาส่วนบัลลาดของ “Awake” มาทำเป็นเพลงอารีน่าร็อก นอกจากนี้เขายังเคยปล่อยคัฟเวอร์เพลง “Autumn Outside the Post Office” ของ Yoon Do Hyun อีกด้วย เพลงแรกที่เขาแต่งคือ “Tonight” เพลงบัลลาดอีกเพลงที่มีเนื้อร้องไพเราะ เล่าเรื่องราวของคน ๆ หนึ่งที่ต้องจากลาสัตว์เลี้ยงของตัวเอง เขายังเขียนเพลงโฟล์คบัลลาดเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าผ่านเพลง “Abyss” ซึ่งถูกเรียบเรียงไว้อย่างเรียบง่ายและใช้คำสื่อสารแต่เพียงน้อย

ในประเด็นดังกล่าวทำให้เพลงเดี่ยวของเขาแตกต่างจากแนวล้ำสมัย(?)สไตล์ K-pop ซึ่ง BTS นำเสนอไว้ในช่วงเดบิวต์ปี 2013 และต่อเนื่องมาตลอดทศวรรษ 2010 ซึ่งในซิงเกิลของ BTS จะต้องมีเพลงที่เน้นแนว K-pop จังหวะซับซ้อน ออกไปทางฮิปฮอป/อาร์แอนด์บี และอีดีเอ็ม ก่อนหน้าจะเปิดตัววง BTS นั้น ทางต้นสังกัด BIGHIT MUSIC (ตอนนั้นคือ Big Hit Entertainment) เป็นที่รู้จักด้านสไตล์บัลลาดผ่านวงอย่าง 2AM และ 8eight แต่เมื่อ BTS ก้าวเข้ามา ทางค่ายจึงมามีชื่อเสียงด้านเพลงที่มีจังหวะเร็วขึ้น เป็นเพราะเพลงเดี่ยวของ Jin นี่เอง ที่ทำให้บัลลาดเครื่องสายที่กำลังฟื้นคืนกลับมาอยู่ภายใต้ร่มเงาของ BTS เช่นเดียวกัน เมื่อครั้ง “AWAKE” ถูกปล่อยออกมาในปี 2016 SUGA บอกกับ Jin ว่าเขาไม่เคยนึกเลยว่าจะมีบัลลาดแบบนั้นในอัลบั้มได้และเพลิดเพลินกับการฟังเพลงนี้ (WINGS concept book) หากกล่าวในแง่นี้ รายชื่อเพลงของ Jin ก็ถือว่าได้เพิ่มความหลากหลายทางดนตรีของ BTS ออกไปอีกด้าน ด้วยการใช้เพลงของ Jin เป็นตัวต่อยอด BTS ได้รวมส่วนประกอบต่าง ๆ ของ K-pop ยุค 90s และต้นยุค 00s เข้าด้วยกัน มาใส่ไว้ในดนตรีของพวกเขาเอง

เป็นเรื่องง่ายที่คนจะมองว่า Jin คงรู้สึกลำบากแย่ หากแต่ไม่มีอะไรบ่งบอกในการแสดงของเขาว่าเขารู้สึกแบบนั้น ความสามารถของ Jin ที่เชื่อมือได้ คือสิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดในการแสดงของเขา ไม่ว่าจะต้องทำการแสดงไหน แม้เมื่อไหร่ที่เกิดข้อผิดพลาด ก็ยังวางใจในตัว Jin ได้ว่าเขาจะทำการแสดงได้อย่างคงเส้นคงวา เขาเคยพูดว่ารู้สึกเหมือนเสียงหายก่อนขึ้นแสดง Yet to come ที่พูซัน มันคือคอนเสิร์ตครั้งล่าสุดนี่เอง ทว่าคุณจะไม่มีทางรู้ได้หรอกหากมองดูจากการร้องเพลงของเขา เขายังบอกอีกว่าเพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเรียนดนตรีช้า หลังกล้องเขาจึงฝึกฝนอย่างหนักหน่วงทั้งช่วงก่อนเดบิวต์และหลังจากนั้นด้วยเช่นกัน เสียงร้องของเขาซึ่งได้มาจากการหมั่นฝึกซ้อม ผสมผสานกับคุณสมบัติพิเศษทั้งหมดที่ได้กล่าวไปก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นความไพเราะที่นุ่มนวล เสียงที่เป็นเส้นตรง ภาพลักษณ์ที่ใสซื่อเหมือนเด็กหนุ่ม ส่องประกายดังอัญมณีน้ำงามไร้ตำหนิ

“The Astronaut” คือซิงเกิลที่ Jin ปล่อยออกมาในเดือนตุลาคม เป็นของขวัญจากวงดนตรีสัญชาติอังกฤษ Coldplay นี่คือครั้งที่สองที่พวกเขาได้ร่วมงานกัน ครั้งแรกคือเพลง “My Universe” จากอัลบั้ม Music of the Spheres ของ Coldplay ตอนนั้น BTS ได้ร่วมงานกันทั้งหมด เครดิตเพลง “The Astronaut” รวบรวมรายชื่อผู้ทำการแสดงสี่คนจาก Coldplay, DJ Kygo (จดทะเบียนด้วยชื่อ Kyrre Gørvell-Dahll) และนักประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ผู้ล่วงลับ Jóhann Jóhannsson ท่านหลังนี้มีเครดิตเนื่องจากเพลงแซมเพิลซาวด์แทร็กจาก Arrival ภาพยนตร์บันทึกการเผชิญหน้าระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากนอกโลก

“The Astronaut” มีความเป็น Coldplay และ Jin อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง หากคุณไปบอก Jin หรือสมาชิกวง BTS สักคนหนึ่งในปี 2013 ว่าพวกเขาจะได้ร่วมงานกับวง Coldplay ในปี 2022 พวกเขาต้องไม่เชื่อแน่นอน แต่พอได้ฟังเพลง “The Astronaut” แล้วกลับชัดเจนเลยว่าดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ของ Coldplay นั้นเข้ากับ Jin ได้เป็นอย่างดี ฉันนึกถึงเพลงบัลลาดของวงที่โด่งดังในเกาหลีช่วงยุค 00s เครื่องหมายทางดนตรีของ Coldplay ไหวพริบการฟังของ Chris Martin ที่รู้ว่าเมโลดี้แบบไหนจะติดฟูคนฟัง เสียงกีตาร์และเปียโนอันรุ่มรวยในเพลง เนื้อเพลงอันตรงไปตรงมาที่ยังปลอบประโลมใจได้อย่างน่าประหลาด เคยผ่านหูเรามาหมดแล้วเช่นจากเพลง “Yellow” (จากอัลบั้ม Parachutes อัลบั้มเปิดตัวของพวกเขาในปี 2000), “The Scientist” (จากอัลบั้มถัดมาอย่าง A Rush of Blood to the Head) และ “Fix You” (จากอัลบั้มอย่าง X&Y) แฟน ๆ เพลงป็อบของเกาหลีชอบเพลงพวกนี้มากเพราะคุณลักษณะข้างต้น แม้ไม่ได้คุ้นเคยกับเพลงต่างชาติอย่างสุดขีดก็ตามที

ทั้ง Jin และ Coldplay เคยผูกธีมความรักและอวกาศลงไปในงานเพลง อย่าง Jin ก็เช่นเพลง “Mikrokosmos” และ “Moon” (เพลงเดี่ยวจากอัลบั้ม MAP OF THE SOUL: 7) ในขณะที่ Coldplay ก็ปั้นเทพนิยายเกี่ยวกับจักรวาลขึ้นมาในอัลบั้มล่าสุดของพวกเขา Music of the Spheres แฟน ๆ มีทฤษฎีอธิบายว่าดาวเคราะห์ในจินตนาการที่ปรากฏบนโปสเตอร์เพลงของ Jin นั้น อาจเป็นเรื่องราวของดาวเคราะห์ดวงสุดท้ายในอัลบั้มของ Coldplay พวกเขาคุ้นเคยกับการเขียนเพลงถึงห้วงเวลา ดวงดาราในห้วงอวกาศ ถึงความรักและการปลอบโยน ตั้งแต่หลังทศวรรษ 2000 ยุคที่ได้ชื่อว่าเป็นยุคหลังบริตป็อป จวบจนทศวรรษ 2010 ที่ผู้คนเริ่มเปิดรับแนวเพลงยอดนิยมต่าง ๆ นอกเหนือจากแนวร็อก ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน พวกเขาก็ยังทำเพลงในแนวทางนี้เรื่อยมา เสียงสังเคราะห์สไตล์คอสมิกซึ่งเป็นแก่นของเพลง “The Astronaut” ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก Kygo โปรดิวเซอร์แนวอีดีเอ็มชาวนอร์เวย์ ซึ่งทำให้เพลงโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก

เนื้อเพลงภาษาเกาหลีที่แต่งโดย Jin ถูกขับกล่อมโดยนักท่องอวกาศไร้จุดหมายถึงบุคคลอันเป็นที่รัก เพลงนี้ยังควบจดหมายรักถึงแฟน ๆ ARMY ก่อนที่เขาจะเข้าปฏิบัติหน้าที่ทางการทหาร ภาพลักษณ์แบบเจ้าชายน้อยที่ท่องผ่านดวงดาวต่าง ๆ สวยสดงดงามอยู่แล้ว แต่เมื่อได้รู้ว่านั่นคือการบอกลาสั้น ๆ ก็ยิ่งทำให้เพลงนี้น่าประทับใจเข้าไปอีก ในวันที่ 28 ตุลาคม Jin เล่าให้แฟน ๆ ฟังผ่าน Weverse Live เอาไว้ว่าอัลบั้ม BE ในปี 2020 ควรจะเป็นอัลบั้มสุดท้ายของ BTS ก่อนที่เขาจะเข้าปฏิบัติหน้าที่ เขาพับแผนก่อนหน้านี้เพื่อที่ BTS จะได้เข้าร่วมงาน Grammy และอีกครั้งเพื่อจะได้แสดงคอนเสิร์ต หลังจากรอคอยมาอย่างยาวนานให้มาตรการควบคุมระยะห่างทางสังคมเพื่อป้องกัน COVID-19 คลี่คลาย เขาบอกใบ้แผนการในอนาคตระหว่างคลิป “ปาร์ตี้มื้อค่ำกับ BTS” เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่การเข้าปฏิบัติหน้าที่ทางการทหารก็ล่าช้าออกไปอีกครั้ง เมื่อพวกเขาถูกขอให้ทำการแสดงในเดือนตุลาคม เพื่อสนับสนุนมหานครพูซันในการประมูลงาน World Expo ช่วงเวลาสองปีที่แผนของเขาถูกเลื่อนออกไปซ้ำ ๆ ข้อสงสัยต่อการเข้ารับราชการทหารของซูเปอร์สตาร์สัญชาติเกาหลี BTS ถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง ฉันจินตนาการว่า เขาในฐานะคน ๆ หนึ่งคงเผชิญแรงกดดันมากมาย ถึงกระนั้น ของขวัญอำลาถึงแฟน ๆ กลับเป็นบทเพลงซึ่งเต็มไปด้วยถ้อยที่ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดี และถูกส่งมอบถึงแฟน ๆ ด้วยความรัก เพลง ๆ นี้สว่างไสวและฉลาดลึกซึ้งเหมือนกับ Jin จริง ๆ

ฉันคอยแต่ย้ำว่า Jin มีหัวใจที่ยังอ่อนเยาว์มากแค่ไหน แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาคือสมาชิกเพียงคนเดียวของ BTS ที่มาร่วมวงตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ข้อนี้ทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครในการดูแลสมาชิกที่อ่อนวัยกว่า ในขณะที่พวกเขาผ่านจุดเปลี่ยนที่ให้นิยามแก่ชีวิตจากผู้เยาว์สู่ผู้ใหญ่ แม้ว่าเขาเข้าวงการด้วยบุคลิกที่มั่นคง แต่ในสายตาของ ARMY เขาก็ยังคงเป็นพี่ใหญ่ของหนุ่มๆ BTS เสมอ เขาเหมือนกับ “คนที่จะเป็นเด็กตลอดไป” และในทางตรงกันข้ามก็เป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่แรกเริ่ม ที่พาให้แฟน ๆ วัยเยาว์ของพวกเขาเติบโตไปข้างหน้า และที่เขายิ่งเป็นเด็กชายอันเป็นที่รัก ก็อาจเพราะเหตุผลข้อนี้เอง
.

ที่มา | [Weverse Magazine] The music of “forever boy” Jin; A look at his solo songs (by Randy Suh)

?Jin ฝากความรักถึงอาร์มี่ผ่าน The Astronaut ผลงานโซโล่สุดยิ่งใหญ่ก่อนเข้ารับใช้ชาติ

?ซับไทย ’BTS กินเลี้ยง’ 2022 แบบเรียลๆ 2022BTSFESTA (Full) | CANDYCLOVER

About the Author /

acupofbts.toei@gmail.com

drinking a cup of hot tea, looking up to the galaxy, you’ll be alright.

Post a Comment