เรียนรู้ที่จะทะเยอทะยานอย่างถ่อมตนจาก BTS

ภาพจาก Weverse

ดูเหมือนความทะเยอทะยานของเหล่าสมาชิกในวง BTS แต่ละคน ยังไม่มีทางที่จะสิ้นสุดลงได้ง่าย ๆ และก็ยังไม่รู้ว่าความทะเยอะทะยานของพวกเขาจะไปสิ้นสุดอยู่ตรงที่ใด แต่ในรายละเอียดของทุกก้าวแห่งความทะเยอทะยานนั้น พวกเขาตระหนักถึง “ความถ่อมตน” ในการลงมือสร้างสรรค์ผลงานอยู่เสมอ ด้วยความถ่อมตนเราจะสามารถมองเห็นความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง แล้วเรายังต้องการความช่วยเหลือจากผู้คนรอบข้าง และด้วยความถ่อมตนจะสามารถให้เกียรติและเคารพผู้อื่นด้วยใจ อย่างที่ บังทัน ฯ ได้กระทำโดยเสมอมา

ในวันที่ความกลัวก่อตัวขึ้นเมื่อคิดที่จะเริ่มเรียนรู้ หรือลงมือทำอะไรใหม่ ๆ แววตาอันมุ่งมั่น เมื่อครั้งในอดีตของ บังทัน ฯ สามารถปลูกความทะเยอทะยานให้กับผู้เขียนได้เป็นอย่างดีเลยเชียวละ เพราะแววตาอันมุ่งมั่นเหล่านั้นสามารถส่งความหวัง ส่งกำลังใจ และมีส่วนที่ทำให้ผู้เขียนกล้าต่อสู้กับความกลัวที่เกิดขึ้นในจิตใจของตัวเองได้อีกด้วย และในขณะเดียวกันด้วยการประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลของพวกเขา ยังสามารถทำให้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการถ่อมตนจากพวกเขาได้อีกด้วยเช่นกัน

จากบทสัมภาษณ์ของ นัมจุน ในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต BTS Permission to dance ที่ LA เมื่อปี 2021 มีประโยคที่สะกิดใจผู้เขียนให้กลับมาตระหนักถึงความสำคัญของ “การถ่อมตน” ด้วยประโยคที่ว่า “หากความสำเร็จของเราเท่ากับ 100% สัดส่วนในความสำเร็จ 50% นั้นเป็นของอาร์มี่ครับ ส่วนเมมเบอร์แต่ละคนก็ประมาณ 5% ก็รวมเป็น 35% และส่วนที่เหลืออีก 15% ก็เป็นส่วนของ HYBE และ Big Hit ครับ หากมองว่าถ้วยรางวัลคือความสำเร็จ ผมก็มองว่าผมมีส่วนในความสำเร็จนั้นเป็นเพียงส่วนท้ายสุดที่เล็กกระจิ๊ดเดียวเท่านั้นครับ หากมองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความสำเร็จที่เราสร้างขึ้นมา แต่เป็นความสำเร็จของหลาย ๆ คน ก็จะทำให้ตัวเรารักษาไว้ซึ่งความถ่อมตนได้ครับ” เป็นประโยคที่ทำให้ได้ย้อนกลับมาคิดประมาณตนไม่ให้หลงทางไปกับความจองหองที่มีอยู่ในตัวเองอีกด้วย

ภาพจาก Weverse

ต้องยอมรับว่าทัศนคติของศิลปินที่ชื่นชอบ มีผลต่อทัศนคติของแฟนคลับอย่างเราเป็นอย่างมาก พูดง่าย ๆ คือเราจะมีความคิดและดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับสิ่งที่เราชอบ หรือคนที่เรายึดเป็นแบบอย่างของชีวิต อาจจะเป็นตัวศิลปิน นักเขียนในดวงใจ ฯลฯ ที่ตรงจริตของเรา แค่บางการกระทำ คำพูดบางประโยคจากเขาเหล่านั้นก็สามารถทำใหเรายอมปรับเปลี่ยนตัวเองด้วยความเต็มใจ

“ไม่ใช่ความสำเร็จที่เราสร้างขึ้นมา แต่เป็นความสำเร็จของหลาย ๆ คน” ประโยคนี้ของ นัมจุน สามารถสกัดเส้นทางความจองหองของผู้เขียนอยู่หมัดเลยทีเดียว เพราะด้วยการที่ตัวเองมีความคิดที่ว่า อยากทำอะไรลองทำเลย จะได้รู้ไงว่าตัวเองทำได้หรือไม่ได้ แต่การกระทำไม่สอดคล้องกับความคิดแรก พอลงมือทำกลับอยากเอาชนะไปซะทุกอย่าง พร้อมกับความคิดที่ว่าฉันสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ทีนี้พอมีคนสะกิดเตือนก็เริ่มจะไม่ฟัง ด้วยความเชื่อ(แบบผิด ๆ)ที่ว่า ฉันสามารถทำได้ด้วยตัวเอง จึงลืมไปว่า บางครั้งความเชื่อบางอย่างเป็นเพียงสิ่งที่เราสมมติขึ้นโดยไม่รู้ตัว มันไม่ใช่ความจริง ดังนั้นสิ่งที่เราเชื่อจึงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป 

และความจริงก็คือ ไม่ว่าจะความสำเร็จในระดับใดก็ตาม นอกจากจะมีตัวเองที่เป็นคนตัดสินใจลงมือทำแล้วนั้น ก็จะมีใครคนหนึ่ง(หรือมากกว่านั้น) มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการกระทำของเราด้วยเสมอ พูดให้เห็นภาพแล้ว ผู้เขียนขออนุญาตหยิบเรื่องราวของตัวเองมาอธิบายในจุดนี้ เช่น ผู้เขียนมี บังทัน ฯ เป็นแรงบันดาลใจในการกลับมารักตัวเองและส่งต่อความรักและกำลังใจนั้นออกไป และ มีพี่เอ๋ นิ้วกลม เป็นแรงบันดาลใจในการแบ่งปันความคิดผ่านตัวหนังสือ จึงเริ่มลงมือเขียนบทความ และพื้นที่ของแรงบันดาลใจทั้งสองนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าบ้านแคนดี้โคลเวอร์แห่งนี้ไม่หยิบยื่นโอกาสมาให้ จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่า เราจึงไม่ใช่เจ้าของความสำเร็จต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเราเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน

“ผมก็มองว่าผมมีส่วนในความสำเร็จนั้นเป็นเพียงส่วนท้ายสุดที่เล็กกระจิ๊ดเดียวเท่านั้นครับ” เป็นอีกประโยคหนึ่งที่สอดรับความจริงที่ว่า ความสำเร็จอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้เกิดจากการกระทำของตัวเราเพียงอย่างเดียวได้เป็นอย่างดี เพราะในชีวิตจริงของผู้เขียนนั้น เพราะความใจดีและใจกว้างจากคนที่พบเจอ อีกทั้งบางคนที่ไม่ได้รู้จักกันเลย ผู้คนเหล่านี้หยิบยื่นน้ำใจมาให้ ทำให้ผู้เขียนรู้จักกับคำว่า “เป็นคนโชคดี” โชคดีที่เกิดจากความน่ารักในจิตใจของพวกเขาเหล่านั้น การได้เห็นน้ำใจจากผู้ให้ ทำให้ผู้ได้รับอย่างผู้เขียนรู้สึกตัวเล็กนิดเดียว รู้สึดตัวเล็กที่ไม่ใช่เป็นการด้อยค่าของตัวเองนะ แต่ความใจกว้างของเขาเหล่านั้นทำให้เราทึ่งจนต้องกลับมาคิดว่า ถ้าเป็นเรา ๆ จะสามารถใจกว้างได้ขนาดนี้ไหมนะ ? และเขาเหล่านั้นยังเป็นแบบอย่างอย่างดีในการดำเนินชีวิตด้วยความถ่อมตนได้เป็นอย่างดีให้กับผู้เขียนอีกด้วย

ภาพจาก Weverse

11 ปี กับการเป็นศิลปินเต็มตัวของ บังทัน ฯ  ในระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเขาได้แสดงให้เราเห็นว่า “ความถ่อมตนทำให้ความทะเยอทะยานอ่อนโยนขึ้น จึงส่งผลให้ผลงานต่าง ๆ ของ BTS มีคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในตัวเอง”

เพราะเราไม่ได้ดีไปเสียทุกอย่าง ไม่ได้เก่งไปเสียทุกเรื่อง และเรายังคงมีความผิดพลาด ดังนั้นการตระหนักถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตของมนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างเรา ให้เราได้กลับมาประมาณตนไม่ให้ตีค่าตัวเองเหนือไปกว่าคนอื่น ร่วมไปถึงสิ่งต่าง ๆ และเพราะความถ่อมตนทำให้เราเป็นคนที่ใช้ได้กว่าเดิม เราจะน่ารักมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้อีกด้วย

ภาพจาก Weverse

ขอบคุณ บังทัน ฯ ที่ทำงานอย่างหนัก และยังฝึกฝนตนเองอย่างถ่อมตนโดยเสมอมา ขอบคุณที่พา อาร์มี่ ตัวเล็ก ๆ อย่างเราให้กลับมาตระหนักถึงคุณค่าของตัวเอง และให้เราได้เรียนรู้จักให้เกียรติ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของซึ่งกันและกัน ขอบคุณที่ทำให้โลกที่โหดร้ายอ่อนโยนใจขึ้นอีกครั้ง ขอบคุณมาก ๆ นะคะ

“สุขสันต์วันเกิดปีที่ 11 นะคะ บังทัน ฯ”

แหล่งที่มา: แปลและเรียบเรียงจากเกาหลีเป็นไทยโดย CANDYCLOVER

             แถลงข่าวคอนเสิร์ต BTS Permission to Dance on Stage – LA (candyclover.com)

ภาพจาก : Weverse
เขียนโดย : I AM LUCKY 23

About the Author /

sugadalek07@gmail.com