ครบรอบ 3 ปี กับการสร้างประวัติศาสตร์ของ BTS ณ Wembley Stadium
“ย้อนกลับไปเมื่อตอนปี 2013 ผมไม่คิดว่าพวกเราจะมีความคิดที่ยิ่งใหญ่แบบว่า ‘พวกเราจะเปลี่ยนแปลงวงการนี้’ ‘พวกเราจะเปลี่ยนแปลงโลก’ หรือ ‘พวกเราจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนหลายล้านคน’ สิ่งที่เราพอทำได้และสิ่งที่เราควรจะทำ คือแค่เล่าเรื่องของพวกเราและถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นผ่านการแสดง และเมื่อเวลาผ่านไป พวกเราเติบโตขึ้นและได้รับความรักมากมายจากแฟนๆ พวกเขาบอกเราว่าสิ่งที่เราได้ถ่ายทอดไป การแสดงของพวกเราเปลี่ยนชีวิตและสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขามากมาย เพราะงั้นสำหรับพวกเรา… สิ่งที่ทำให้พวกเรายังเดินต่อไปท่ามกลางความยากลำบากและเรื่องตลกร้ายในวงการนี้ก็คือแฟนคลับครับ พวกเราช่วยให้พวกเขารักตัวเองมากขึ้นได้จริงๆ…“
– คิมนัมจุน งานแถลงข่าวก่อนคอนเสิร์ต Speak Yourself ที่สนามกีฬา Wembley กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2019 วง BTS ได้เปิดฉากทัวร์คอนเสิร์ต Love Yourself : Speak Yourself หลังจากการคัมแบ็คอัลบั้ม Map of the soul : Persona ที่มีเพลง Boy With Luv เป็นเพลงไตเติ้ล โดย World Tour ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ตอกย้ำความสำเร็จระดับโลกของ BTS เพราะสถานที่จัดคอนเสิร์ตครั้งนี้คือสนามกีฬาหรือ stadium ที่สำคัญมากมายทั่วโลก อาทิ Rose Bowl Stadium (สหรัฐฯ) , MetLife Stadium (สหรัฐฯ), Allianz Parque (บราซิล), Stade De France (ฝรั่งเศส) เป็นต้น (ตารางที่ 1) โดยหากประเมินจากจำนวนบัตรและที่นั่งที่เปิดขายคร่าวๆ คอนเสิร์ตครั้งนั้นของ BTS มีผู้เข้าชมราวล้านคนจากทั่วโลกเลยทีเดียว นอกเหนือจากการประกาศ Stadium World Tour ครั้งยิ่งใหญ่ที่เรียกเสียงฮือฮาจากอาร์มี่และสื่อบันเทิงทั่วโลกแล้วนั้น อีกหนึ่งเหตุการณ์ครั้งสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์เส้นทางอาชีพศิลปินของ BTS คือการประกาศทัวร์คอนเสิร์ตที่ Wembley Stadium สนามกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรนั่นเอง
ตารางที่ 1 : รายละเอียด Stadium ในทัวร์คอนเสิร์ต Love Yourself : Speak Yourself ของ BTS ในปี 2019
‘Wembley, where players enter, and legends leave’
Wembley คือสถานที่ที่ผู้เล่นเดินเข้ามาและผู้เป็นตำนานจะเดินกลับออกไป
สำหรับสนามกีฬา Wembley แห่งสหราชอาณาจักรนั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหมายการทัวร์คอนเสิร์ตของ BTS ที่เป็นที่จับตามองของสื่อทั้งในและต่างประเทศ ด้วยความที่เป็นสนามกีฬาแห่งประวัติศาสตร์ในวงการกีฬาและดนตรีของโลก โดยสนามกีฬาอันเก่าแก่แห่งสหราชอาณาจักรนี้ได้เปิดใช้ครั้งแรกในเดือนเมษายน ปี 1923 (นั่นคือ Wembley จะครบรอบ 100 ปีในปี 2023 ที่กำลังจะถึงนี้นั่นเอง) ซึ่งในรอบศตวรรษที่ผ่านมา ทางสนามกีฬาจัดการแข่งขันกีฬาไปมากมาย แต่ที่โด่งดังและเป็นที่จดจำในสายตาชาวโลกมากที่สุดคือ การแข่งขันฟุตบอล ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาประจำชาติของอังกฤษ และนอกเหนือจากการเป็นสนามแข่งขันกีฬาแล้วนั้น Wembley ยังเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานด้วยเช่นกัน โดยมีศิลปินระดับโลกที่มีชื่อเสียงมากมาย ได้มาจัดคอนเสิร์ตที่สนามกีฬาอันทรงเกียรติแห่งนี้ อาทิ Ed Sheeran (ผู้ร่วมงานกับ BTS ในเพลง Make it right (2019) และเพลง Permission to dance (2021), Coldplay (ผู้ร่วมงานกับ BTS ในเพลง My Universe (2021), Madonna, Taylor Swift, One Direction, Spice Girls, Beyonce, Eminem, Michael Jackson และวง Queen เป็นต้น
การที่ BTS ในฐานะศิลปินเอเชียวงแรกที่ได้มาจัดคอนเสิร์ตที่สนามกีฬา Wembley นั้นถือว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ซึ่งไม่ใช่เพียงกับตัวพวกเขาเองแต่เรียกได้ว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการดนตรีของเอเชียด้วย จากข้อมูลของ Metro UK ระบุว่าบัตรคอนเสิร์ตของพวกเขาจำนวน 60,000 ใบถูกจำหน่ายหมดหลังจากเปิดจำหน่ายผ่านทางเว็บไซต์ของ Ticketmaster ในเวลาเพียง 90 นาทีเท่านั้น ทางต้นสังกัดจึงได้ประกาศเพิ่มวันคอนเสิร์ตอีกหนึ่งวันถัดจากนั้น และแน่นอนว่าบัตรคอนเสิร์ตของพวกเขาก็ถูกจำหน่ายหมดภายในเวลาอันรวดเร็วเช่นเดียวกัน เหตุการณ์ที่คอนเสิร์ตของศิลปินจากเอเชียจำหน่ายบัตรในสนามกีฬาที่เป็นตำนานแห่งสหราชอาณาจักรหมดเกลี้ยงนี้ ได้สร้างปรากฏการณ์ความตื่นตะลึงกับทั่วโลกและถือเป็นการตอกย้ำถึงชื่อเสียงของ BTS ในสหราชอาณาจักรรวมไปถึงในภูมิภาคยุโรปได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่ถ่ายทอดถึงชื่อเสียงของ BTS ได้ดีที่สุดคือตารางสถิติหรือชาร์ตทางดนตรีของประเทศนั้นๆ ซึ่งพบว่าจุดเริ่มต้นของชื่อเสียงของ BTS ในสหราชอาณาจักรได้เริ่มต้นอย่างชัดเจนในปี 2016 อันเป็นปีแห่งจุดเริ่มต้นของการโบยบินด้วยปีกที่งดงามไปทั่วโลกของชายหนุ่มเกาหลีทั้ง 7 คน จากข้อมูลของ officialcharts ที่เป็นชาร์ตหลักของสหราชอาณาจักรเทียบเท่ากับ Billboard Chart ของสหรัฐฯ ระบุว่าในเดือนตุลาคมปี 2016 BTS ได้สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะศิลปินเกาหลีวงแรกที่สามารถพาอัลบั้มติดชาร์ตของสหราชอาณาจักรได้ โดยอัลบั้ม WINGS ของพวกเขาเดบิวต์ที่อันดับ 62 (ตารางที่ 2) จากนั้น อัลบั้มของพวกเขาก็สามารถติดชาร์ตของสหราชอาณาจักรได้เรื่อยมา จนกระทั่งในปี 2019 BTS ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการพาอัลบั้ม Map of the soul : Persona เดบิวต์ที่อันดับ 1 ได้ในที่สุด โดยเพลง Boy With Luv ที่เป็นเพลงไตเติ้ลของอัลบั้ม สามารถเดบิวต์ที่อันดับ 13 และอยู่ในชาร์ตนานถึง 10 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดของ BTS ณ ขณะนั้น (ตารางที่ 3) (ภายหลัง เพลงที่ทำลายสถิตินี้ของ BTS คือเพลง Dynamite ในปี 2020 โดยสามารถเดบิวต์ที่อันดับ 3 และอยู่ในชาร์ตนานถึง 27 สัปดาห์ =v=)
ตารางที่ 2 : รายชื่ออัลบั้มของ BTS ที่ติดอันดับใน officialcharts ของสหราชอาณาจักร
ตารางที่ 3 : รายชื่อเพลงของ BTS ที่ติดอันดับใน officialcharts ของสหราชอาณาจักร
อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่เรียกเสียงฮือฮาจากทั่วโลกจนเกิดเป็นภาพประวัติศาสตร์ของ BTS มาจนถึงทุกวันนี้คือ ภาพอาร์มี่จำนวนมากที่มารวมตัวกันเพื่อชมโฆษณาตัวใหม่ของ BTS ที่จัตุรัส Piccadilly Circus กรุงลอนดอนในปี 2019 โดยหากย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าในประเทศที่ขึ้นชื่อว่าอนุรักษ์นิยมที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อย่างประเทศอังกฤษ จะปรากฏภาพแฟนคลับจำนวนมหาศาลของศิลปินชาวเอเชียที่มารวมตัวกันเพียงเพื่อชมโฆษณารถยนต์ยี่ห้อ Hyundai ที่ BTS เป็นพรีเซนเตอร์ ชื่อเสียงของ BTS ในระดับโลกที่สามารถเจาะตลาดทางดนตรีประเทศต่างๆ ได้อย่างงดงามโดยเฉพาะสหรัฐฯ ทำให้ CNN สำนักข่าวชื่อดังเปรียบเทียบชื่อเสียงของ BTS กับวงดนตรีระดับตำนานสัญชาติอังกฤษอย่าง The Beatles จนสื่อบางสำนักเรียกพวกเขาว่า “The Beatles แห่งศตวรรษที่ 21”
“บอยแบนด์ที่มีชื่อเสียงมากมายในประวัติศาสตร์ดนตรีถูกเปรียบเทียบกับ The Beatles ตลอดอยู่แล้วครับ ผมคิดว่าเพราะนักดนตรีหลายต่อหลายคนได้รับแรงบันดาลใจมาจาก The Beatles สำหรับที่สหรัฐฯ พวกเราโชคดีมากที่ได้ทำการแสดงที่เหมือนเป็นการแสดงความเคารพต่อ The Beatles ในรายการ ‘The Late Show with Stephen Colbert’ พวกเรารู้สึกภูมิใจมากที่ถูกเรียกแบบนั้น และมันทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ดี นับเป็นเกียรติมากจริงๆ ครับ”
– คิมนัมจุน งานแถลงข่าวก่อนคอนเสิร์ต Speak Yourself ที่สนามกีฬา Wembley กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร
แน่นอนว่า เมื่อมาเยือนยังประเทศที่เป็นต้นกำเนิดแห่งวงดนตรีในตำนาน จึงพอจะคาดการณ์ได้อยู่แล้วว่า สื่อต่างประเทศจะถามพวกเขาด้วยคำถามนี้ในงานแถลงข่าวก่อนเปิดฉากคอนเสิร์ตวันแรกที่ Wembley Stadium และเป็นที่แน่นอนอีกเช่นกันที่ BTS ได้แสดงถึงความจริงใจและความภาคภูมิใจผ่านคำตอบของพวกเขา คำตอบนี้สร้างเสียงชื่นชมจากนักข่าวรวมถึงอาร์มี่ของสหราชอาณาจักรเป็นอย่างมาก โดยคอนเสิร์ตของ BTS ที่ Wembley Stadium ในวันที่ 1 มิถุนายน 2019 มีการถ่ายทอดสดผ่านแอพพลิเคชั่น Vlive ให้อาร์มี่ทั่วโลกได้รับชมไปพร้อมๆ กับอาร์มี่ที่เข้าชม ณ สถานที่จัดเป็นครั้งแรกอีกด้วย
“Wembley มีความสำคัญมากครับ ในฐานะนักร้อง พวกเราจะมีเวทีที่เคยคิดฝันไว้ ตั้งแต่เด็กที่ผมได้ดูการแสดงของวง Queen ในคอนเสิร์ต Liv aid ผมก็ฝันที่จะได้แสดงที่นี่มาตลอด เมื่อคืนผมนอนไม่หลับเลยครับ คิดแต่ว่าผมกำลังจะได้แสดงที่ Wembley ผมคิดว่าแฟนคลับหลายๆ คนที่รับชมผ่านการถ่ายทอดสดก็คงชอบเหมือนกัน”
– มินยุนกิ งานแถลงข่าวก่อนคอนเสิร์ต Speak Yourself ที่สนามกีฬา Wembley กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร
เปิดฉากคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ ณ Wembley Stadium
“UK เป็นเหมือนกำแพงที่ใหญ่มากสำหรับผม แต่คืนนี้ พวกเราและพวกคุณได้ทลายกำแพงนั้นลงแล้ว พวกคุณคือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเรานั้นมีคุณค่าพอที่จะก้าวต่อไป และผมหวังว่า BTS จะเป็นแบบนั้นให้กับคุณเหมือนกัน...”
– คิมนัมจุน คอนเสิร์ต Speak Yourself ที่สนามกีฬา Wembley กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร วันที่ 1 มิถุนายน 2019
(หมายเหตุ : พาร์ทหลังจากนี้จะเป็นการเล่าประสบการณ์และความรู้สึกของผู้เขียน ที่ได้มีโอกาสไปชมคอนเสิร์ตของ BTS ครั้งแรกที่ Wembley Stadium ทั้งนี้ผู้เขียนขอยืนยันว่าทุกสิ่งที่กำลังจะเล่าต่อจากนี้เป็นความจริงทุกประการ รวมถึงความรักที่มีให้กับ BTS ด้วย ^^)
คอนเสิร์ต Love Yourself : Speak Yourself ณ Wembley Stadium ได้เปิดฉากอย่างงดงามในวันที่ 1 มิถุนายน 2019 เสียงผู้ชม 60,000 คนดังกระหึ่มทันทีที่เสียงดนตรีของเพลง Dionysus ดังขึ้น เสือสีเงินขนาดมหึมาสองตัวขยายใหญ่ เผยให้เห็นชายหนุ่มชุดขาว 7 คนบนบัลลังก์ที่ยิ่งใหญ่ราวกับเทพกรีกทั้ง 7 มาปรากฏกาย อาจจะดูเป็นคำกล่าวที่เกินจริงไปนิด แต่ผู้เขียนเชื่อว่าครั้งแรกที่อาร์มี่ได้เห็น BTS ก็คงมีความรู้สึกในแบบเดียวกัน ใช่ค่ะ คอนเสิร์ตของ BTS ที่ Wembley Stadium เป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกของผู้เขียนเลย จึงเรียกได้ว่าเป็นคอนเสิร์ตแห่งรักแรกพบและติดตรึงในใจมาอย่างไม่รู้ลืม
ผู้เขียนรู้จัก BTS ครั้งแรกช่วงปลายปี 2018 ผ่านการกล่าวสุนทรพจน์ของ RM หรือคิมนัมจุนแห่ง BTS ที่สหประชาชาติในหัวข้อของการรักตัวเองและพูดเพื่อตัวเอง (Love Yourself, Speak Yourself) การประทับใจนั้นนำมาสู่การฟังเพลงและศึกษาเรื่องราวของพวกเขามาตลอดหลายเดือน และเมื่อปี 2019 วง BTS ได้ประกาศว่าจะมาแสดงคอนเสิร์ตที่สหราชอาณาจักร ซึ่งตอนนั้นผู้เขียนกำลังอยู่ในช่วงศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษพอดี ผู้เขียนในฐานะแฟนเพลงจึงไม่พลาดที่จะซื้อบัตรไปเข้าชมคอนเสิร์ตของพวกเขาทันที และถึงแม้จะมีอุปสรรคหลายอย่างในฐานะผู้เล่นหน้าใหม่แห่งสนามการกดบัตร แต่สุดท้ายผู้เขียนก็สามารถซื้อบัตรไปเข้าชมคอนเสิร์ตได้สำเร็จ โดยมีการเอื้อเฟื้อน้ำใจจากอาร์มี่ชาวสวีเดนท่านหนึ่งที่มอบบัตรคอนเสิร์ตวันที่สองมาให้อีกใบ แน่นอนว่า การที่ผู้คนหลายหมื่นคนไปรวมกันอยู่ในที่เดียวอาจดูเป็นการจัดการที่ยากลำบาก แต่ผู้เขียนขอถือโอกาสชื่นชมระบบขนส่งและการจัดการของทาง Stadium และกรุงลอนดอน ที่บริหารจัดการการขนส่งและอำนวยความสะดวกให้กับแฟนคลับจำนวนมหาศาลของ BTS ที่จะเดินทางมาที่ลอนดอนในช่วงวันที่ 1-2 มิถุนายนได้อย่างดี โดยแม้ผู้เขียนจะอยู่ในเมืองที่ค่อนข้างไกลจากลอนดอน แต่ National Express บริษัทรถ Coach ขนาดใหญ่ของสหราชอาณาจักรก็มีการจัดส่งรถไปกลับ Wembley Stadium ถึง 50 จุดทั่วประเทศ เรียกได้ว่าแทบไม่มีอุปสรรคใดๆ สำหรับผู้เขียนเลยในการไปคอนเสิร์ตครั้งแรกในประเทศอังกฤษนี้
ด้วยความที่ผู้เขียนเป็นแฟนเพลงที่ไม่เคยสัมผัสถึงคำว่าแฟนด้อมมาก่อน การมาคอนเสิร์ตที่เหมือนกับเทศกาลครั้งนี้ จึงเรียกได้ว่าเป็นทั้ง culture shock และความประทับใจแรกพบที่หาไม่ได้จากที่ไหน สิ่งแรกที่ทำให้ผู้เขียนประทับใจมากที่สุดคือการสร้างบรรยากาศ หรือการไฮป์แฟนคลับด้วยกันก่อนการเข้าชมคอนเสิร์ตของอาร์มี่รอบๆ stadium เนื่องจากผู้เขียนมาที่คอนเสิร์ตคนเดียวและไม่มีกลุ่มเพื่อนที่ไหน จึงค่อนข้างกังวลว่าการมาดูคอนเสิร์ตคนเดียวในต่างประเทศแบบนี้จะน่ากลัวหรือไม่ แต่ปรากฏว่าไม่น่ากลัวเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้เขียนหันมองไปทางไหนก็พบเจอแต่รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และมิตรภาพพร้อมกับเสียงทักทายราวกับพวกเราเป็นเพื่อนกันมานาน ผู้เขียนได้รับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่เรียกว่า freebies (หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า giveaways) จากอาร์มี่หลายๆ คน พวกเขาอวยพรผู้เขียนในฐานะที่มาดูคอนเสิร์ตครั้งแรกว่าขอให้มีความสุขและเพลิดเพลินไปกับคอนเสิร์ตให้มากที่สุด ผู้เขียนได้เห็นมิตรภาพที่สร้างขึ้นในวันนั้นมากมาย และภาพเหล่านี้ทำให้ผู้เขียนยิ่งประทับใจในตัววง BTS ว่าพวกเขาได้สร้างแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับผู้คนมากแค่ไหน
‘When times are hard, look at the road we walked together’
‘เมื่อถึงคราวที่ยากลำบาก มองกลับมายังเส้นทางที่เราเคยเดินมาด้วยกัน’
คิมนัมจุน คิมซอกจิน มินยุนกิ จองโฮซอก พัคจีมิน คิมแทฮยอง จอนจองกุก พวกเขาคือศิลปินและ performer ที่แท้จริง หลายคนคงทราบดีว่าการแสดงคอนเสิร์ตระดับสนามกีฬาหรือ stadium นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ของศิลปิน โดยนิยามของคำว่าไม่ใช่เรื่องง่ายนี้ ผู้เขียนหมายความถึงการที่ศิลปินสามารถถ่ายทอดความรู้สึกผ่านบทเพลง การเต้นและการแสดงส่งไปถึงผู้ชมครึ่งแสนใน stadium ได้ ผู้เขียนไม่เข้าใจถึงคำนิยามนี้มาก่อนจนกระทั่งได้มาชมคอนเสิร์ตของ BTS ในครั้งนี้ ผู้เขียนแทบลืมไปด้วยซ้ำว่าที่นั่งของผู้เขียนนั้นอยู่เกือบสูงสุดของ stadium เพราะสมาชิกวง BTS ทั้ง 7 คนสามารถส่ง ‘พลัง’ และ ‘ความรู้สึก’ ขึ้นมาถึงอาร์มี่ที่นั่งอยู่บนจุดสูงสุดห่างไกลจากพวกเขาบนเวทีได้ และไม่ใช่เป็นเพียงแต่เพลงสนุกสนานและทรงพลัง เช่น Fire หรือ Mic Drop เท่านั้น แต่แม้กระทั่งเพลงเศร้า เช่น The Truth Untold หรือเพลงเดี่ยวของสมาชิก พวกเขาก็ ‘เอาเวทีอยู่’ และพิสูจน์ได้อย่างแท้จริงว่าพวกเขาเกิดมาเพื่อเป็นศิลปินและ performer จริงๆ สำหรับผู้เขียนนั้นประทับใจสเตจเพลง IDOL และเพลง Epiphany ซึ่งเป็นเพลงเดี่ยวของซอกจินเป็นพิเศษ การได้ตะโกนคำว่า “You can’t stop me loving myself” กับ “I’m the one I should love in this word” ไปกับอาร์มี่กว่า 60,000 คนใน stadium เป็นประสบการณ์ที่ทรงพลังและพิเศษมากจริงๆ
“ที่นี่คือสถานที่แห่งศิลปินที่เก่งกาจมากมาย ผมเพิ่งได้ดูภาพยนตร์ Bohemian Rhapsody มา และผมอดไม่ได้ที่จะตามรอยฉากนี้ครับ”
– ซอกจินกล่าวถึงฉากสำคัญของ Freddy mercury แห่งวง Queen ผู้เป็นศิลปินแห่งประวัติศาสตร์ของ Wembley Stadium ซึ่งโมเมนต์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์สำคัญของคอนเสิร์ตที่ Wembley ของ BTS ด้วยเช่นกัน
Forever…we are young…
‘To guide the soul in this galaxy, you made us a map with a melody’
‘เพื่อนำทางจิตวิญญาณในจักรวาลนี้ พวกคุณสร้างแผนที่ให้เราด้วยท่วงทำนอง’
คอนเสิร์ตวันที่ 2 มิถุนายน ที่ Wembley Stadium เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายทั้งสุขเศร้าระคนกันไป แต่ความรู้สึกที่ยิ่งไปกว่านั้น คือความประทับใจและความภาคภูมิใจ ที่ผู้เขียนและอาร์มี่หลายๆคนได้เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ BTS ผู้เขียนมาชมคอนเสิร์ตวันที่สองของ BTS ด้วยพลังที่เต็มเปี่ยมแม้จะได้พักผ่อนมาเพียงไม่กี่ชั่วโมง เดาว่าอาจเป็นเพราะฮอร์โมนแห่งความสุขที่หลั่งออกมาอย่างสูงสุด เลยทำให้ร่างกายของผู้เขียนที่แทบไม่เคยออกกำลังกายอะไรไม่เป็นลมล้มพับไปเสียก่อน (ภายหลังคอนเสิร์ต ผู้เขียนหลับไปครึ่งวันเต็มๆ พร้อมกับเสียงที่แหบแห้งไปสองวัน) คอนเสิร์ตวันนี้ BTS เตรียมเซอร์ไพรส์มาให้กับเหล่าอาร์มี่ด้วยการเปิดเผยว่าพวกเขาเรียนจบมาจากโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ (Hogwarts School of Witchcraft and Wizardry) โดยซอกจินไม่รอช้า เขาใช้อาร์มี่บอมบ์ร่ายคาถาโจมตีหรือคาถาสตูเปฟาย ใส่จองกุกจนล้มพับไปกลางเวทีทันที (พลังเวทมนตร์ของเขาทรงพลังมากจนแม้แต่จองกุกยังตั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียว) สมาชิกคนอื่นก็เปิดเผยว่าตนเองเป็นพ่อมดเช่นกันด้วยการร่ายคาถาที่ถนัดของตนเอง จีมินร่ายคาถาลูมอสทำให้อาร์มี่บอมบ์ของอาร์มี่ทั้ง stadium สว่างขึ้นราวกับปาฏิหาริย์ โฮซอกร่ายคาถาเสกเปลวเพลิงให้ปรากฏขึ้นบนเวทีอย่างน่ามหัศจรรย์ และปิดท้ายด้วยคาถาอันแสนงดงามของแทฮยองที่ร่ายคาถา purple love ที่เสกอวยพรให้อาร์มี่ใน stadium มีความสุขตลอดไป ?
คอนเสิร์ตวันที่สองดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึงหลังเพลง Mic Drop ที่ BTS ลงจากเวทีไปเตรียมตัว ตอนนั้นเองที่…
“หลังจากคอมเมนต์สุดท้ายของสมาชิกและก่อนสเตจเพลง Mikrokosmos คำว่า ‘ARMY SING’ จะปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เมื่อถึงตอนนั้น มาร้องท่อนคอรัสของเพลง Young Forever ไปด้วยกันให้ดังที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ ได้โปรดเก็บเป็นความลับจากสมาชิก เพื่อที่เราจะได้สามารถสร้างโมเมนต์ความประทับใจที่ลืมไม่ลงร่วมกันระหว่าง ARMY และ BTS!”
– BigHit
“สิ่งที่ผมรู้สึกจากการเล่นคอนเสิร์ตวันนี้คือ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ ไม่ว่าคุณจะมาจากไหน มันไม่สำคัญอะไรเลยสำหรับที่นี่ นั่นคือพลังของดนตรีไม่ใช่เหรอครับ? และเราต้องการคุณสำหรับพลังนั้น ขอบคุณที่มารวมพลังนี้ไปด้วยกันนะครับ”
– มินยุนกิ คอนเสิร์ต Speak Yourself ที่สนามกีฬา Wembley กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร วันที่ 2 มิถุนายน 2019
“ผมยังไม่อยากเชื่อว่าพวกเราได้แสดง 2 รอบที่ Wembley ที่เต็มไปด้วยอาร์มี่ ผมเป็นแค่เด็กชายเกาหลีตัวเล็กๆ แต่ตอนนี้ผมได้เป็นความรัก ได้เป็นความภาคภูมิใจของใครบางคน ก้าวข้ามเชื้อชาติ ประเทศและภาษา มันไม่ง่ายเลย คุณคือคำตอบครับ อาร์มี่ คือคำตอบของชีวิตผม”
– จองโฮซอก คอนเสิร์ต Speak Yourself ที่สนามกีฬา Wembley กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร วันที่ 2 มิถุนายน 2019
“สองคืนนี้มีความหมายอะไรหลายอย่าง ทั้งทางประวัติศาสตร์ การดนตรี หรือแม้แต่ธุรกิจ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เราได้สนุกด้วยกันครับ พวกเราพูดภาษาเดียวกัน ผมไม่ได้หมายถึงภาษาอังกฤษหรือเกาหลีเท่านั้น ตามองตา สายตาสบกัน เราได้เต้นและสนุกไปด้วยกัน นั่นแหละครับที่เรารู้”
– คิมนัมจุน คอนเสิร์ต Speak Yourself ที่สนามกีฬา Wembley กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร วันที่ 2 มิถุนายน 2019
และแล้วช่วงเวลานั้นก็มาถึง นัมจุนได้บอกให้อาร์มี่ทุกคนโชว์แสงจากโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้แสงเหล่านั้นแทนหมู่ดาวในเพลงสุดท้ายของคอนเสิร์ตอย่าง Mikrokosmos แต่ทันใดนั้นเอง ดนตรีของเพลงอีกเพลงกลับดังขึ้นมา พร้อมกับข้อความสีม่วงบนหน้าจอที่เขียนว่า ARMY SING
เพลง Young Forever ที่เสียงร้องของอาร์มี่ดังกระหึ่ม stadium แห่งประวัติศาสตร์นี้ได้จบลงพร้อมกับคราบน้ำตาและรอยยิ้ม
“We are stay young forever, right? Let’s stay young forever together!”
– คิมนัมจุน
“วันนี้ผมไม่ควรจะร้องไห้เลย ผมอดรักทุกคนไม่ได้จริงๆ ครับ อาร์มี่”
– จอนจองกุก
“มันมีความหมายกับเรามาก ขอบคุณที่ร้องเพลงนี้ไปด้วยกันนะครับ”
– พัคจีมิน
“ผมรู้สึกเหมือนมีชีวิตอีกครั้ง”
– คิมซอกจิน
“เราจะกลับมาอีกในปีหน้าครับ UK ขอบคุณที่มอบความทรงจำนี้ให้พวกเรานะครับ เราจะไม่มีวันลืม …ตลอดไป”
– คิมแทฮยอง
‘คุณมีผม ผมมีคุณ แสงดาวรอบตัวพวกเราจะคอยอยู่เคียงข้าง คอยส่องแสงให้กันและกันตลอดไป’ ดวงดาว อ้อมกอด และความฝันที่เป็นดั่งคำสัญญาที่จะเดินต่อไปด้วยกัน การเดินทางย่อมมีจุดหมายปลายทางและจุดสิ้นสุด ความสุขในคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็เป็นเช่นนั้น ผู้เขียนบอกลาสมาชิกทั้ง 7 ที่โบกมือลาอาร์มี่ทุกคนก่อนที่จะค่อยๆหายลับไป พร้อมกับแสงของพลุอันสวยงามที่ปรากฏขึ้นประดับท้องฟ้าและสัญลักษณ์ของวง BTS ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าบนเวที ความสุขที่เต็มเปี่ยมมาตลอดสองวันราวหายวับไปกับตา ในวันถัดมา ทุกคนก็ต้องแยกย้ายกลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง ผู้เขียนรู้สึกถึงความเป็นจริงข้อนั้นในวินาทีที่เสียงเพลง Mikrokosmos จบลง ผู้เขียนที่เป็นเพียงแฟนเพลง แต่กลับรู้สึกผูกพันกับ BTS มากเสียจนรู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมาที่ไม่เคยรู้จักพวกเขา และได้มีเวลาเพียงแค่ 2 วันที่ได้เจอพวกเขาเท่านั้น ความรู้สึกหลายๆ อย่างที่ปะปนกันทำให้ผู้เขียนร้องไห้ออกมาอย่างหนัก จนอาร์มี่ชาวอังกฤษที่นั่งใกล้กันกับผู้เขียนเข้ามาปลอบ ผู้เขียนได้ระบายความรู้สึกต่างๆ ให้เธอฟัง เธอยิ้มออกมาก่อนจะกอดผู้เขียนและบอกว่า “จะมาเป็นอาร์มี่ตอนไหนก็ไม่สำคัญ ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวนี้นะ เบบี้อาร์มี่” นั่นทำให้ผู้เขียนร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิมแต่ก็ทำให้มีรอยยิ้มด้วยเช่นกัน เมื่อคอนเสิร์ตได้จบลง คนแปลกหน้าหลายคนสวมกอดกัน แม้จะต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม แต่ทุกคนก็เข้าใจและมีความรู้สึกแบบเดียวกัน เพราะพวกเราคืออาร์มี่เหมือนกัน พวกเรายิ้มไปด้วยกัน หัวเราะไปด้วยกัน ร้องไห้ไปด้วยกัน อนาคตหลังจากนี้จะเป็นยังไงไม่มีใครรู้ แต่พวกเราได้สัญญากับ BTS ไว้แล้วว่าจะจับมือเดินไปด้วยกันจนถึงปลายทาง
แสงดาวจะเปล่งแสงในความทรงจำ ย้ำเตือนในความฝัน
เพื่อที่ลืมตามาอีกครั้ง รอยยิ้มนั้นของเราจะเปล่งประกายตลอดไปในหัวใจ
นี่ไม่ใช่การบอกลาเพื่อลาจาก แต่เป็นการรอคอยเพื่อกลับมาพบกันใหม่ต่างหาก
การที่ BTS ได้มาจัดคอนเสิร์ตที่สนามกีฬาในประวัติศาสตร์อย่างสนามกีฬา Wembley แห่งสหราชอาณาจักร ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการเป็นศิลปินของพวกเขาทั้ง 7 คน แน่นอนว่าการเดินทางไปสู่ความสำเร็จระดับโลกของพวกเขานั้นยังดำเนินต่อไป และดูท่าว่ายังคงไม่สิ้นสุดลงโดยง่าย ตราบใดที่พวกเขายังคงมีความปรารถนาที่จะสรรสร้างบทเพลงต่างๆ เพื่อเล่าเรื่องราวและจรรโลงจิตใจของผู้ฟังทั่วโลกต่อไป ดั่งคำที่มินยุนกิเคยพูดไว้ “สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของ BTS คือเราไม่มีขีดจำกัด” เส้นทางของพวกเขายังอีกยาวไกล โดยแม้จะผ่านมา 3 ปีนับตั้งแต่ก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ของ BTS ที่ Wembley แต่เมื่อพิจารณาจากมุมมองปัจจุบันและมองย้อนกลับไป วลีที่ว่า “Wembley คือสถานที่ที่ผู้เล่นเดินเข้ามาและผู้เป็นตำนานจะเดินกลับออกไป” นั้นไม่เกินความจริงเลย เพราะในปัจจุบัน BTS ได้ทำการจารึกชื่อของพวกเขาว่าเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดวงหนึ่งของโลกแล้ว
….จากชายหนุ่มเกาหลีทั้ง 7 คน …สู่บังทันโซนยอนดัน…
…จากเด็กหนุ่มเกราะกันกระสุน …สู่ทูตพิเศษฯของประเทศ…
…จากผู้เล่นสู่ตำนาน …วงแรกและวงเดียวในประวัติศาสตร์…
… ทั้งหมดนี้คงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า …
“จะเป็นยังไงนะ ถ้าบังทันโซนยอนดันยิ่งใหญ่ขึ้นมา?”
– เพลง Attack on Bangtan (2013)
หอยทอด
เขียนได้ดีมากเลยค่ะ อ่านเเล้วน้ำตาไหลทุกบรรทัดมันอิทเเพคจริงๆ ขอบคุณที่เขียนบทความนี้ออกมาค่ะ