MAP OF THE SOUL ON:E

รวมเอ็นดิ้งเมนต์จากคอนเสิร์ต BTS ‘MAP OF THE SOUL ON:E’

BTS เปิดคอนเสิร์ต BTS MAP OF THE SOUL ON:E ขึ้นในวันที่ 10 และ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมาในรูปแบบออนไลน์ คอนเสิร์ตจัดขึ้นเป็นเวลาราว 2 ชั่วโมง 40 นาทีกับเซ็ตลิสต์ที่ขนมาอย่างเต็มอิ่ม 24 เพลงจากอัลบั้ม Map of the Soul: 7 และเพลงใหม่ล่าสุดอย่าง Dynamite บน 4 เวทีใหญ่ที่ทุ่มงบโปรดักชั่นมากกว่าคอนเสิร์ต BANG BANG CON ถึง 8 เท่า พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจอย่าง AR และ XR นอกจากนั้นยังมีการจัดวางแท่งไฟอาร์มี่บอมบ์เรียงรายบนแถวที่นั่งซึ่งเปลี่ยนสีแบบเรียลไทม์เสมือนอยู่ในคอนเสิร์ต ประกอบกับการใส่ซาวด์เสียงร้องเชียร์ของอาร์มี่ให้เข้ากับบรรยากาศและเพิ่มความรู้สึกสมจริง

MAP OF THE SOUL ON:E
การแสดงเพลง ON เปิดคอนเสิร์ต MAP OF THE SOUL ON:E

เอ็นดิ้งเมนต์จากคอนเสิร์ต MAP OF THE SOUL ON:E รอบที่ 1 (10 ตุลาคม)

j-hope: จริงๆ ผมรู้สึกดีมากเลยครับ รู้สึกอารมณ์ดีมากๆ เลยครับ ถ้าให้พูดกันตามตรง 80% ผมรู้สึกดี แต่อีก 20% ผมค่อนข้างเสียดายครับ ความจริงแล้วการจัดคอนเสิร์ตโดยที่ลดการสัมผัส (Untact) แบบนี้มันเป็นสิ่งที่ท้าทายและเป็นสิ่งที่เราต้องพยายามเหมือนกัน ดูๆ ไปแล้ว ผลลัพธ์ของความตั้งใจในการแสดงสิ่งดีๆ ให้ทุกคนได้เห็นแม้ในสถานการณ์แบบนี้ เหมือนมันได้เกิดขึ้นในวันนี้ ส่วนนั้นที่เป็น 80% มันเลยค่อนข้างดี ในขณะที่ 20% นั้นก็นั่นล่ะครับ ในฐานะศิลปินที่ทำการแสดง การที่ไม่ได้สบตาและพูดคุยกับทุกๆ คนกันต่อหน้า มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเลยล่ะครับ ในฐานะคนทำการแสดงต่อให้ไม่มีความเสียดายนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี ผมหวังว่าวันที่สถานการณ์ COVID-19 จะจบลงและได้แสดงตัวพวกเราให้ได้เห็นกันกับตาจะมาถึงในเร็ววันนะครับ จริงๆ แล้วคอนเสิร์ตครั้งนี้คือคอนเสิร์ตที่พวกเราจะทัวร์สเตเดียมเมื่อเดือนเมษายน แต่ก็ต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีก และเปลี่ยนมาเป็นออนไลน์ ซึ่งพวกเราก็กังวลอีกว่าจะแสดงอะไรให้เห็นได้มากขึ้นสมกับที่เปลี่ยนมาเป็นออนไลน์ไหม คอนเสิร์ตครั้งนี้ก็เลยเตรียมงานกันอย่างเต็มที่เลยครับ อัลบั้ม Map of the Soul พวกเราก็เตรียมอะไรหลายอย่าง ถ้าหากว่าทำให้ทุกคนยิ้มและภูมิใจเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกพอใจมากๆ แล้วครับ และความจริงแล้ววันนี้ยังไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเพราะยังมีพรุ่งนี้อีกนี่ครับ ผมสัญญาว่าจะแสดงสิ่งดีๆ ภาพลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นให้ได้เห็นครับ วันนี้ขอบคุณอาร์มี่ทุกคนและแฟนๆ ทั่วโลกที่ติดตามดูกันจนถึงดึก จริงๆ แล้วเวลาก็ต่างกันด้วย ขอขอบคุณแฟนๆ ของเราทุกคนที่คอยติดตามนะครับ Thank you, ARMY! Thank you for your love and support. Thank You!

Jimin: จริงๆ แล้วผมโฟกัสไม่ได้ตั้งแต่ตอนอังกอร์แล้วครับ (สะอื้น) ระหว่างเตรียมคอนเสิร์ตครั้งนี้ (Jung Kook: Don’t cry / RM: ร้องเลย! ร้องออกมาเถอะ / j-hope: เออ ร้องให้ใจมันโล่งไปเลย) ก่อนที่จะเตรียมคอนเสิร์ตครั้งนี้ จริงๆ แล้วมีสิ่งที่ทำให้ผมอัดอั้นตันใจหลายอย่างครับ ข้างนอกก็เกิด COVID-19 การเล่นคอนเสิร์ตอย่างสนุกสนานกับเมมเบอร์ และแบ่งปันน้ำตาและความสุขไปกับทุกคน คือสิ่งที่ผมอยากทำที่สุดไปเรื่อยๆ มากกว่าสิ่งไหนๆ (สะอื้น) ทำไมนะ… ทำไม… ทำไมผมต้องมาเผชิญอะไรแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้… (สะอื้น) ผมรู้สึกแบบนั้นน่ะครับ (สะอื้น) แต่แล้วพอเห็นเมมเบอร์กระโดดโลดเต้นกันอย่างสนุกสนานตอนอังกอร์ น้ำตามันก็รื้นขึ้นมา (สะอื้น) อ่า ขอโทษด้วยครับ ตั้งแต่ตรงนั้นผมก็โฟกัสไม่ได้เลย การที่ได้เห็นทุกคนแบบนี้มันทำให้ผมมีความสุขมากๆ จริงๆ ผมโฟกัสไม่อยู่เอามากๆ เลย ผมก็เลยเสียดายมากๆ ที่ไม่ได้แสดงสิ่งที่เตรียมมาให้ทุกคนได้ดู ผมคิดว่าทุกคนได้ส่งความหวังมาให้พวกเราข้ามจอจริงๆ ทุกอย่างส่งมาถึงพวกเราเลยครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ สิ่งที่พวกเราเตรียมมาเพื่อโชว์ให้ทุกคน ไม่รู้ว่าความตั้งใจนั้นมันส่งไปถึงทุกคนหมดไหม หวังว่ามันจะสื่อไปถึงทุกคนนะครับ แม้ในสถานการณ์แบบนี้ ขอบคุณอาร์มี่ทุกคนที่ยังคอยซัพพอร์ตและรอคอยพวกเรานะครับ

RM: ไหนๆ เมมเบอร์ทุกคนจะพูดเป็นภาษาเกาหลี ผมก็จะพูดเป็นภาษาอังกฤษให้ทุกคนทั่วโลก ที่อยู่ต่างประเทศ หรือที่ไหนก็ตามได้ฟังนะครับ ผมจะพูดเพียงสั้นๆ พวกเราน่ะแข็งแกร่งมากๆ เลยครับ อาร์มี่ที่ผมรู้จัก และ BTS ที่ทุกคนรู้จัก พวกเราทุกคนล้วนแข็งแกร่งกันมากๆ พวกเราจะหาทางออกได้อย่างที่เป็นมาเสมอ และหากไม่มีทางไปก็มาวาดแผนที่ขึ้นมาใหม่ทั้งแผนที่กันเลยครับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปครับ พวกเราแข็งแกร่งและยังคงเชื่อมถึงกัน แม้มีคลื่นซัดเข้ามา มีหายนะเข้ามา มีพายุโหม มีหิมะตก มีฝนโปรยปราย หรืออะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นอย่าได้คลางแคลงใจในตัวเองเลย จงเชื่อมั่นในพวกเรานะครับ และผมรักทุกคนมากๆ จากใจเลยครับ หวังว่าทุกคนจะรับรู้นะ รักนะครับ

Jung Kook: ทุกคนครับ การที่ได้ยินเสียงและเห็นหน้าทุกคนออนไลน์ระหว่างทำการแสดงมันเป็นอะไรที่ผมรู้สึกขอบคุณมากๆ เลยครับ สำหรับผมแล้วตอนนี้แค่มีการแสดงอย่างเดียวก็ทำให้ผมเป็นคนที่ใช้ชีวิตไปได้อย่างมีความสุขแล้วล่ะครับ เพราะมากกว่า 80%, 90% ในคอนเสิร์ตคือการได้พบและฟังเสียงของทุกคน มันเลยมีอะไรให้เราทำได้หลายอย่างมากๆ พอวันนี้ได้ยินเสียงเชียร์กับหูแบบนี้ ทำให้นึกถึงความทรงจำที่พวกเราเคยสร้างขึ้นมา และมีความสุขมากๆ เลยล่ะครับ แล้วก็ทำการแสดงไปอย่างสนุกสนานเลย ยังไงก็ตามผมคิดว่าผมปรับตัวกับชีวิตในตอนนี้ได้ดี แล้วก็มีพลังที่ทุกคนส่งมาให้ทดแทนเยอะแยะมากมายเลย ต่อไปผมก็คงใช้ชีวิตอย่างมีเรี่ยวแรงและมีความสุขได้ครับ การแสดงวันนี้สนุกมากๆ ถึงจะอยู่ไกลกันและไม่รู้ว่าต่อไปจะได้เจอกันเมื่อไหร่ แต่ก็ขอให้คอยดูแลสุขภาพให้แข็งแรง คอยใส่มาสก์ออกไปข้างนอก และมีแต่วันเวลาที่มีความสุขนะครับ รักและขอบคุณมากๆ เลยครับ 

Jin: ครับผม ความจริงแล้วตอนทำการแสดงในวันนี้ มันไม่ใช่ความรู้สึกเดียวกับคอนเสิร์ตที่พวกผมเคยทำมาเลยครับ พวกเราโปรโมตเยอะมากๆ ทั้ง Dynamite และ ON โปรโมตหลายสิ่งหลายอย่างเลย  แม้ตอนซ้อมคอนเสิร์ต หรือออกอากาศคอนเสิร์ต ก็ไม่รู้สึกเหมือนทำการแสดงคอนเสิร์ต มันรู้สึกเหมือนทำกิจกรรมโปรโมตมากกว่าก็เลยปวดใจมากๆ เลย แต่พอตอนอังกอร์ ได้เห็นอาร์มี่ ได้เห็นอาร์มี่บอมบ์ที่พวกเราเห็นในคอนเสิร์ตอยู่ตลอด ไหนจะตุ๊กตา RJ และป้ายเชียร์ พอเห็นป้ายเชียร์แล้วก็นึกถึงวันเก่าๆ และนึกถึงวันที่ได้อยู่กับทุกคนครับ  ผมมีความสุขมากๆ และนึกถึงคำพูดหนึ่งของรุ่นพี่ที่เคยอยู่ค่ายเราเคยพูดเอาไว้ แกบอกว่า “ถ้าได้รับรู้รสชาติของการแสดงและความรักของแฟนๆ แล้วล่ะก็ จะไม่มีทางวางมือจากการแสดงได้เลย” วันนี้ผมได้รับรู้ถึงคำพูดนั้นมากขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกถึงความสนุกเพียง 50% ครับ จนกว่าพวกเราจะฟื้นความสนุกได้ 100% พวกเรา BTS ก็จะอยู่ด้วยกันกับอาร์มี่ทุกคนต่อไปครับ ขอบคุณครับ 

SUGA: ความจริงแล้วพวกเราปล่อยอัลบั้ม Map of the Soul: 7 ออกมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และคัมแบ็กด้วยเพลง ON หลังจากนั้นมาก็เตรียมคอนเสิร์ตทันทีเพื่อเริ่มการทัวร์ มันคือสถานการณ์ ณ ตอนนั้นครับ พวกเรามีความหวังว่า ‘พอพฤษภาฯ มิถุนาฯ ก็คงจะได้ทำการแสดง’ แล้วก็เตรียมงานกัน แต่พอเห็นว่าคอนเสิร์ตก็ถูกเลื่อนและยกเลิกไปแล้ว จริงๆ แล้วพวกเราทั้งเจ็ดคนก็ลำบากใจเลยล่ะครับ ความจริงพวกเราจะต้องทัวร์ตามกำหนดและได้พบกับอาร์มี่ กำหนดการมันวางเอาไว้แล้วแท้ๆ แต่กลับไม่สามารถทำได้ พวกเรารู้สึกเคว้งคว้างเลยครับ ตอนนี้ผมลืมไปด้วยซ้ำว่าวันที่ 10 ตุลาคมแล้ว เราลืมไปแล้วว่าเดิมทีเราทำอะไร ระหว่างเตรียมงานได้ทำ BANG BANG CON ก็จริง แต่ด้วยความที่มันไม่ใช่การแสดงที่ได้เห็นหน้ากันแบบนี้ ก็เลยค่อนข้างกังวลครับว่าจะทำคอนเสิร์ตออนไลน์ที่พวกผมพึงพอใจ และทุกคนพึงพอใจกับเซ็ตลิสต์คอนเสิร์ตขึ้นได้ไหม แต่พอได้เห็นบรรยากาศและเสียงเชียร์ในวันนี้ก็รู้สึกเหมือนเล่นคอนเสิร์ตจริงๆ เลยล่ะครับ แล้วก็เลยมีเรี่ยวมีแรงขึ้นครับ มันก็มีทั้งสิ่งที่พวกเราไม่สามารถแสดงให้ทุกคนได้เห็น 100% และสิ่งที่แสดงให้เห็นได้ด้วยความที่เป็นคอนเสิร์ตออนไลน์ ก็หวังว่าทุกคนจะดูอย่างสนุกสนานนะครับ หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในเร็ววัน คิดถึงจริงๆ ครับทุกคน อยากเจอนะครับ ขอภาวนาให้วันที่สถานการณ์ดีขึ้นจนได้กระโดดโลดเต้นกับทุกคนในสเตเดี้ยมจะมาถึงในเร็ววันครับ ขอบคุณครับ 

V: ครับผม พวกเราพูดอยู่ตลอดช่วงนี้เลยว่าเหนื่อยมากๆ และเสียดายอะไรหลายๆ อย่างมากๆ เพราะ COVID-19  แต่มันเหนื่อยจริงๆ ครับ เฮ้อ มันเหนื่อยมากจริงๆ ครับ ถึงตอนนี้ได้มากระโดดโลดเต้นในคอนเสิร์ตนี้กับอาร์มี่ ได้ร้องเพลงไปด้วยกัน แต่การที่มีพวกเราเพียง 7 คนที่เต้นอยู่อย่างนี้ ผมกลับไม่มีเรี่ยวแรงเท่าไหร่เลย ตอนทำกิจกรรมโปรโมตเพลง ON ผมนึกว่า COVID-19 จะจบลงอย่างรวดเร็ว ผมใช้ชีวิตด้วยความคิดที่ว่า ‘เดี๋ยวก็จบลงแล้ว เดี๋ยวก็จะได้เจออาร์มี่แล้ว’ แต่พอเวลาค่อยๆ ผ่านไป กลับมีแต่ความวิตกกังวลว่าเมื่อไหร่มันจะจบลง พวกเราเตรียมการแสดงเพลง Dynamite และเตรียมงานสัมภาษณ์หลายงาน แต่มันกลับไม่มีอะไรสนุกเลยนอกเสียจากหวังว่าอาร์มี่จะได้ดู ไม่มีอะไรเลยนอกจากความตั้งใจที่ว่าอยากให้อาร์มี่ได้ดูไวๆ และทำให้อาร์มี่ที่รู้สึกเหนื่อยได้มีเรี่ยวมีแรงขึ้น แม้ว่าพวกเราจะมีกัน 7 คนและไม่มีอาร์มี่อยู่ ณ ตรงนี้แต่ก็เหมือนมีอาร์มี่อยู่ในตอนนี้จริงๆ  พอได้ยินเสียงของอาร์มี่ ความร้อนแรงของอาร์มี่ข้ามจอ ออกมา ได้เห็นทุกคนมารวมกันอยู่ตรงนี้ เลยรู้สึกเหมือนมีอาร์มี่อยู่จริงๆ เลยล่ะครับ หวังว่าคราวหน้าจะมีอาร์มี่อยู่ตรงนี้จริงๆ ครับ รักทุกคนมากๆ เลยนะครับ อาร์มี่ทุกคน พวกเรามาสร้างความทรงจำดีๆ ยิ่งขึ้นกันอีกครั้งนะครับ รักนะครับ

RM: ครับผม การเดินทัพของพวกเราในครั้งแรกมีเพียงเด็กหนุ่ม 7 คนที่มารวมตัวกันและเริ่มก้าวเดินจากความฝันเล็กๆ ใครหลายคนต้องทิ้งอะไรไปหลายอย่าง ทั้งสิ่งที่เรารัก, สิ่งที่เราเชื่อมั่น, สิ่งที่เราอยากปกป้อง เพื่อที่จะทำให้ฝันเป็นจริง เขาบอกว่าเราต้องยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการ คำพูดนั้นมันถูกแล้วล่ะครับ ประตูสู่โลกมันแน่นหนาและไม่ยอมให้เราเข้าไปได้ง่ายๆ แต่พวกเราก็ไม่หยุดยั้ง ใช่ครับ เพราะเส้นทางของโลกไม่ได้มีเพียงเส้นทางเดียว เราถึงได้พบเจอกับผู้คนมากมายที่เหมือนกับพวกเราบนเส้นทางนั้น เหมือนกับทุกคนที่อยู่ที่นี่ครับ การที่เราได้พบกับพวกเขามันทำให้กลายเป็นการเดินทัพที่ทั้งเล็กและใหญ่ในคราเดียวกัน

“บทเพลงคือภาษาของเรา และความฝันคือแผนที่ที่นำทางตัวเรา เราขับร้องเรื่องราวของแต่ละคนกันคนละภาษา และเดินทัพไปข้างหน้าด้วยกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”

พวกเรา BTS ไม่ได้มีเพียง 7 คน เพราะมันจะเป็นเรื่องราวของคุณ, ผม, พวกเรา และทุกๆ คนครับ


เอ็นดิ้งเมนต์จากคอนเสิร์ต MAP OF THE SOUL ON:E รอบที่ 2 (11 ตุลาคม)

j-hope: ครับทุกคน วันนี้รู้สึกดีจังเลยล่ะฮะ วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้ว รู้สึกเหมือนเป็นการประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ยังไงยังงั้น รู้สึกดีมากๆ เลยล่ะฮะ มันเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าที่ได้เตรียมงานมาอย่างหนัก ตอนนี้ก็มันก็เลยรู้สึกตื้นตันและมีความสุขมากๆ เลย สนุกกันไหมครับอาร์มี่ของเราทุกคน? อย่างกับมาที่นี่กันจริงๆ เลย มันน่าตื่นเต้นเหมือนทุกคนอยู่ที่นี่กันจริงๆ เลย ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ช่วงนี้ก็มีข่าวดีเยอะแยะเลย แม้ในสถานการณ์แบบนี้พวกเราก็ยังคอยเตรียมการหลายอย่างและมุ่งไปข้างหน้าเพื่อทำให้เต็มที่และโชว์ภาพลักษณ์ที่ดีที่สุดของพวกเรา เพราะฉะนั้นผมอยากให้คอยติดตามและให้ความสนใจพวกเราเยอะๆ นะครับ จริงๆ แล้วผมอยากพูดอีกครั้งวันนี้เลยครับว่าพลังของทุกคนมันยิ่งใหญ่จริงๆ ผมรู้สึกขอบคุณมากๆ ครับ พลังของทุกคนคือแรงขับเคลื่อนของพวกเราเลยครับ ขอบคุณครับ

Jimin: ครับผม ผมจะไม่ร้องครับ จริงๆ ร้องอีกครั้งก็ได้แหละ แต่พอเมื่อวานร้องไห้แล้วเมมเบอร์แซวกันใหญ่ จนไม่ได้การแล้วล่ะฮะ ผมมีความสุขมากๆ เลยล่ะครับที่คอนเสิร์ตจบลงด้วยดีเช่นนี้ ความจริงแล้วสิ่งที่ผมรู้สึกขอบคุณและมีความสุขมากๆ คือการที่เสียงของทุกคนส่งผ่านมาถึงพวกเรา ณ ที่ตรงนี้แม้จะผ่านจอก็ตาม มันเป็นสิ่งที่ผมโหยหาที่สุดและเป็นเสียงที่งดงามที่สุด และมอบความสุขที่สุดสำหรับพวกเรา ผมมีความสุขที่ได้ยินเสียงของทุกคน เสียงเหล่านี้มันมอบพลังและเป็นทุกอย่างสำหรับพวกเราๆ ก็เลยพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะได้ยินเสียงเหล่านี้ การที่เสียงส่งมาถึงพวกเราก็เลยทำให้เรามีความสุขมากๆ ครับ ครั้งแรกที่ได้ลิ้มรสชาติของเสียงเชียร์คือตอนแสดงที่สนามกีฬา Olympic Gymnastics ครับ ตอนที่พวกเรามาสนามกีฬานี้เป็นครั้งแรก แล้วได้เห็นภาพที่ทุกคนที่ส่งเสียงเชียร์ให้พวกเรา ผมพูดอยู่เรื่อยๆ ว่า ‘มันน่าหลงใหล’ หรือไม่ก็ ‘เป็นความรู้สึกที่คนที่ยืนอยู่บนเวทีเท่านั้นที่ได้สัมผัส’ ทุกคนอาจจะไม่ได้อยู่ต่อหน้าต่อตาผม แต่ผมก็ขอบคุณและมีความสุขมากๆ ที่เสียงนี้มันส่งมาถึงพวกเรา หวังว่าเสียงของพวกเราจะส่งไปถึงทุกคนทั้งหมดเช่นเดียวกันนะครับ ผมมีความสุขมากๆ และจะรีบเตรียมนั่นเตรียมนี่เพื่อที่จะได้ออกไปยืนตรงหน้าทุกคนอีกครั้งนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับทุกคน ผมเองก็รักทุกคนมากๆ เลยนะครับ รักนะครับ

RM: รู้อะไรไหมครับ? ผมมีความสุขครับ ผมมีความสุขมากๆ เลยครับ ผมมีความสุขอย่างแท้จริงเลยล่ะครับ ผมไม่ได้นับถือศาสนา แต่ผมขอบคุณพระเจ้าที่พวกเรามีชีวิตอยู่ในปี 2020 ผมขอบคุณพระเจ้าที่เรามีเทคโนโลยีนี้ที่ทำให้พวกเราเชื่อมถึงกันโดยไม่มีความหน่วงของเวลา และยังได้เห็นหน้ากันและกัน เหมือนกับทุกคนอยู่ตรงนี้จริงๆ หวังว่าทุกคนจะรู้สึกอย่างเดียวกันนะครับ และผมขอบคุณพระเจ้าที่เราได้ทำอะไรเหล่านี้ ที่อย่างน้อยๆ เราได้ทำอะไรเหล่านี้ ถึงขั้นนี้แล้วมันไม่ใช่ความผิดของใครเลยครับ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ มันไม่ใช่ความผิดของผม มันไม่ใช่ความผิดของเรา มันไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้นครับ เราเป็นแค่คนธรรมดาที่พยายามเต็มที่ในสิ่งที่พวกเราทำได้ เรามีเวลากว่า 6-7 ปี ที่ได้ไปทั้งอเมริกา ไปเอเชีย และทุกๆ ที่ ได้เห็นหน้าค่าตากัน สัมผัสถึงพลังของเรา และชาร์จแบตเตอรี่ให้แก่กันและกัน และได้ทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้น ผมเชื่อมั่นในช่วงเวลาหลายปีนั้น และช่วงเวลาเหล่านั้นครับ ความเชื่อและพลังที่เราสร้างมาด้วยกันจะไม่มีทางทรยศเราครับ ผมก็เลยมีความสุขและหวังว่าพวกคุณจะยิ้มได้และรู้สึกอย่างเดียวกันกับผม ผมหวังว่าคุณจะมีความสุขและอยู่อย่างปลอดภัยนะครับ ขอบคุณมากเลยครับ รักนะครับ

Jung Kook: I’m really happy! You know what? ตามคำพูดของนัมจุนฮยองเลยฮะ เมื่อวานผมได้คุยกับนัมจุนฮยองว่าไอ้เจ้าสิ่งที่เรียกว่า COVID-19 ไม่ควรเกิดขึ้นนับตั้งแต่นาทีที่พวกเราเกิด นับตั้งแต่นาทีที่ทุกคนเกิดไปจนสิ้นชีวิตของเราเลย แต่ถ้า COVID-19 มาเยือนพวกเราเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ผมกังวลมากเลยล่ะครับว่าสุดท้ายเราจะสามารถทำการแสดงคอนเสิร์ตจากคนละสถานที่กันโดยที่เห็นหน้าทุกคนแบบนี้ได้รึเปล่า ผมจึงรู้สึกขอบคุณเทคโนโลยีนี้ที่ทำให้พวกเราได้ยินเสียงของทุกคนได้แม้จะอยู่ห่างไกลกัน การที่ได้เห็นหน้าทุกคน ได้ฟังเสียงเชียร์ที่ดังกึกก้องของทุกคนมันเป็นอะไรที่ดีมากเลยใช่ไหมล่ะฮะ ในสถานที่แสดงคอนเสิร์ต มันดีต่อทุกคนและพวกเราเองก็มีความสุขมากๆ สำหรับผมแล้วแม้กระทั่งในเวลาแบบนี้ผมก็รู้สึกขอบคุณมากๆ เลยครับ และผมก็ได้รับพลังมามากมายเลย ถึงจะเสียดายแต่พอนึกถึงการแสดงวันนี้และเมื่อวานแล้ว มันทำให้ผมโล่งใจและมีความหวังในฐานะคนทำการแสดงเลยครับ ตอนนี้ ณ เวลานี้ผมมีความสุขมากๆ ในอนาคตต่อไปพวกผมก็จะค่อยๆ ก้าวเดินไปละทีละก้าวอย่างมีความสุขและมีเรี่ยวแรงมากขึ้นต่อสิ่งที่พวกผมทำ ขอบคุณทุกๆ คนที่คอยติดตามจากไกลๆ หวังว่าพวกเราจะสร้างความทรงจำที่มีคุณค่าของพวกเรากันเยอะๆ นะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ รักนะครับ

Jin: สำหรับผมแล้ว ผมเสียดายมากๆ เลยครับ จริงๆ แล้วพวกเราเตรียมเซ็ตลิสต์นี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว เดิมทีปีนี้พวกเราควรต้องทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก แต่การที่คอนเสิร์ตนี้มันเกิดขึ้นเพียงสองครั้งโดยที่จบลงในวันนี้มันน่าเสียดายและปวดใจมากๆ เลยครับ มันน่าเสียดายมากๆ ที่ได้เห็นอาร์มี่ได้เพียงผ่านจอ เมื่อวานก็คุยกันกับเมมเบอร์ครับว่าทั้งเอเนอร์จี้ที่พวกเราได้รับเวลาเจอกันต่อหน้า ทั้งบรรยากาศและความรู้สึกมันต่างกันมากๆ เลย แต่ถึงจะเสียดายที่เห็นหน้ากันเพียงผ่านจอ แต่ท้ายที่สุดแล้วเวลามีเรื่องร้ายๆ ก็จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเสมอ ตอนนี้สถานการณ์อาจจะไม่ดี แต่ครั้งหน้าที่ได้เจอกันกับอาร์มี่ทุกคนอีกครั้งผมคิดว่ามันจะยิ่งน่ายินดีกว่านี้สองเท่า, สามเท่าเลยครับ จนกว่าที่วันที่พวกเราได้เจอกันอีกครั้ง ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะครับ รักนะครับ

SUGA: โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างเตรียมคอนเสิร์ตคราวนี้ พวกเราได้ดู Break the Silence ครับ ในหนังมีภาพทัวร์สเตเดียมเมื่อคราวที่แล้วด้วย มันเหมือนฝันเลยล่ะครับ ทั้งๆ ที่มันผ่านไปยังไม่ถึง 1 ปีเลยแท้ๆ แต่เรากลับคุ้นเคยกับสถานการณ์เหล่านี้ที่มีผู้ชมเข้ามาดูคอนเสิร์ตจนถึงขั้นที่คิดว่านี่มันเป็นเรื่องจริงรึเปล่าเลยล่ะฮะ เหมือนกับที่เมมเบอร์พูดกันเมื่อสักครู่ว่า เพราะเทคโนโลยีมันดีขึ้นมากๆ ก็เลยรู้สึกขอบคุณมากๆ ที่พวกเราถึงได้มีโอกาสทำการแสดงแบบนี้ และทุกคนเองก็ได้รับการแสดงของพวกเราผ่านจอ ยิ่งไปกว่านั้น อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าอุตสาหกรรมการแสดงทั่วโลกก็ประสบกับความยากลำบากอย่างมาก ไม่ใช่แค่พวกเรา แต่ทั้งศิลปินและทีมงานมากมายที่เตรียมงานสถานที่จัดคอนเสิร์ต ทุกคนล้วนอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเพราะสถานการณ์นี้เช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นการที่พวกเราได้มาทำการแสดงแบบนี้ก็เลยทำให้พวกเรารู้สึกขอบคุณเลยล่ะครับ ถึงจะเสียดายแต่มันก็ทำอะไรไม่ได้นี่ครับ พวกเราเพียงทำอะไรที่พวกเราสามารถทำได้ เพราะทุกคนที่คอยดูสนุกกับสิ่งที่เราทำ มันเลยเป็นอะไรที่เรารู้สึกขอบคุณ การเตรียมการแสดงมันกลายเป็นช่วงเวลาที่ทำให้พวกเรารู้สึกได้อีกครั้งว่าผมคือคนทำเพลงและการแสดง มันเลยกลายเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ชอบและรักการทำเพลงและการแสดงมากขึ้นอีกครับ จนกว่าสถานการณ์นี้จะจบลง หวังว่าทุกคนจะมีสุขภาพที่แข็งแรงนะครับ ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้นพวกเราก็จะเตรียมตัวอย่างเต็มที่ครับ ไว้คราวหน้าจะกลับมาด้วยการแสดงที่อัดแน่นมากยิ่งขึ้นครับ ทุกคน ขอบคุณครับ

V: อาร์มี่ทุกคน? พูดกันตามตรง ดีใจใช่ไหมฮะที่ได้เจอพวกเรา? จริงๆ แล้วพวกเราเกือบไม่ได้ทำคอนเสิร์ตนี้ครับ แต่เพราะว่าโชคดีมากๆ ก็เลยได้ทำ ผมรู้สึกขอบคุณมากๆ กับสิ่งที่สามารถทำได้ในตอนนี้ มีคนที่ผมคิดถึงอยู่ด้วยครับ ประธานบังชีฮยอก! เป็นเพราะเขาเลยที่หาหนทางและทำให้มันเกิดขึ้นได้ พี่ชีฮยอก ขอบคุณมากๆ เลยนะฮะ การแสดงวันนี้และเมื่อวานก็กำลังจะจบลงแล้ว จริงๆ แล้วผมไม่คิดว่ามันคือคอนเสิร์ตที่เราทำร่วมกับอาร์มี่หรอกครับ ผมเพียงแค่รวบรวมพลัง รวบรวมแล้ว รวบรวมอีก และตั้งตารอแต่วันที่จะได้พบกับอาร์มี่ในสภาพที่เตรียมพร้อมครับ แม้ว่าวันนี้เราจะได้สร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกัน แต่ถ้าวันที่ได้พบกับอาร์มี่จริงๆ มาถึงล่ะก็ พูดยังไงดี… ผมคงใช้เวลาทั้งคืนเดินจากโซลไปพูซานได้เลยครับ ครับผม ผมอยากบอกครับว่าผมรู้สึกขนาดนั้น สำหรับผมแล้ว ผมคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มีอาร์มี่ทุกคน ในวีเวิร์สผมก็พูด ตอนเตรียมงานเพลง Dynamite พวกเราก็มาเล่นกับอาร์มี่ ตอนนั้นน่ะผมมีความสุขมากๆ เลยล่ะฮะ เพราะฉะนั้นผมจะหาอะไรให้พวกเราได้มาเล่นด้วยกันอีกนะครับ ขอบคุณครับ โพราเฮนะ รักนะฮะอาร์มี่ทุกคน คิดถึงนะครับ ขอบคุณครับ

RM: ครับผม ตอนนี้ก็ได้เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของเส้นทางคอนเสิร์ต MAP OF THE SOUL ON:E แล้ว ผมรู้สึกเลยครับว่ามันเป็นคอนเสิร์ตที่เกิดความรู้สึกหลายอย่างมากๆ การเดินทัพครั้งแรกของพวกเรามีเพียงเด็กหนุ่ม 7 คนที่มารวมตัวกันและเริ่มก้าวเดินจากความฝันเล็กๆ เส้นทางของความฝันนั้นแบ่งออกเป็นหลายเส้นทาง พวกเราวิตกกังวลอยู่เบื้องหน้าเส้นทางนั้นอย่างมากเลยล่ะครับ แต่พวกเราทุกคนก็ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันนี่ครับ  พวกเราไม่ได้มุ่งหน้าไปในทิศทางที่ทุกคนกำหนด, ไม่ใช่ที่ๆ มีแสงไฟเจิดจรัสและเสียงเชียร์โห่ร้อง, แต่ไปยังที่ๆ พวกเราเชื่อมั่น, ที่ๆ พวกเรารักต่างหากครับ และในเส้นทางนั้นพวกเราก็ได้พบกับผู้คนที่แม้จะตัวกระจ้อยร่อยและอ่อนแอ แต่พวกเขากลับไม่ทิ้งตัวตนของตัวเองไป กำหนดการเดินทางของพวกเราคือการมุ่งหน้าไปยังเส้นทางเล็กๆ ของโลกร่วมกับทุกคน ที่ไม่ว่าใครก็สามารถมาร่วมขบวนกับพวกเราได้ บทเพลงคือภาษาของเรา และความฝันคือแผนที่ที่นำทางตัวเราครับ พวกเราขับร้องเรื่องราวของแต่ละคนกันคนละภาษา, โบกธงจำนวนมากมายที่มีสีสันที่แตกต่างกัน และเดินทัพไปข้างหน้าด้วยกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พวกเรา BTS ไม่ได้มีเพียง 7 คน เพราะมันจะเป็นเรื่องราวของคุณ, ผม, พวกเรา และทุกๆ คนครับ

ที่มา | 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7
แปลจากเกาหลีและอังกฤษเป็นไทยโดย CANDYCLOVER

DMCA.com Protection Status

ทาง CANDYCLOVER มีความยินดีหากผู้อ่านเล็งเห็นประโยชน์ของคอนเทนต์นี้ และต้องการนำไปประกอบเอกสารหรือสื่อทางการศึกษา เผยแพร่ต่อบนโซเชียลมีเดีย รวมถึงนำไปผลิตของที่ระลึก เช่น Giveaway สำหรับแจกฟรี มิใช่การจัดจำหน่าย

หากต้องการนำข้อมูลไปใช้อ้างอิง กรุณาติดต่อทางอีเมลล์ bts.candyclover@gmail.com และรอการตอบกลับที่ระบุว่าอนุญาตแล้วเท่านั้น ยกเว้นกรณีการนำข้อมูลที่ “แปล เรียบเรียง หรือจัดทำโดย CANDYCLOVER” ไปรีโพสต์ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ รีโพสต์บนแฟนเพจ เว็บไซต์ หรือเว็บบอร์ด ที่มิใช่แพลตฟอร์มของ CANDYCLOVER พร้อมใส่เครดิตเองโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงนำไปเป็นคอนเทนต์ทางสื่อโทรทัศน์ หรือกระทำการใด ๆ ก็ตามที่เข้าข่ายแอบอ้างผลงาน หากพบเห็นจะดำเนินคดีทางกฎหมายให้ถึงที่สุด

หากท่านชื่นชอบคอนเทนต์ที่ CANDYCLOVER นำเสนอ สามารถให้การสนับสนุนพวกเราได้ง่าย ๆ เพียง 1.) ไม่สนับสนุนแอคเคาต์ที่แอบอ้างข้อมูลที่แปลโดย CANDYCLOVER 2.) รีพอร์ตแอคเคาต์ดังกล่าวผ่านระบบของแพลตฟอร์มที่ท่านพบเห็นโพสต์ที่เข้าข่าย โดยเลือกหัวข้อ “ละเมิดลิขสิทธิ์” 3.) สนับสนุนค่ากาแฟทาง Ko-fi หรือ Patreon

About the Author /

bts.candyclover@gmail.com

I go by the name Candy, a co-founder, admin, designer, translator, writer of and for CANDYCLOVER. I'm a graphic/UI designer and a self-taught Korean translator who's passionate about telling success stories of BTS in the form of mixed media from graphic to web-based experiences. Now, I'm also pursuing my career as a professional Korean translator. My recent book-length translation projects are: I AM BTS (TH Edition), BTS The Review (TH Edition) and more to come!

Post a Comment