เพลงของ BTS ที่เป็นมากกว่าท่วงทำนองไพเราะ แต่เป็นดั่งคำปลอบโยน ให้ฉันได้ใช้ชีวิตต่อไป
“ไม่เป็นไรนะ พอนับ 1 2 3 แล้วลืมมันไปให้หมดเลยนะ ลบความทรงจำแสนเศร้าทั้งหมดไป จับมือฉันไว้แล้วยิ้มซะนะ”
ประโยคข้างต้น มาจากบทเพลงที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี 2! 3! (Hoping For More Good Days) - BTS เป็นเพลงที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2016 ในอัลบั้ม WINGS
วันนี้จะพาทุกคนย้อนเวลาไปในความทรงจำของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีชีวิตอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ ด้วยเพราะบทเพลงนี้ ถือซะว่า ได้อ่านไดอารี่หน้าหนึ่งของใครสักคนก็ได้นะคะ และเขายินยอมที่จะเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้พวกคุณฟัง ว่าเพลงของศิลปินที่เธอรัก มันมีค่าต่อใจ และเป็นคำปลอบโยนให้กับเธอมากแค่ไหน เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต ในวัยมัธยมปลายกำลังก้าวเข้าสู่ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ตอนนั้นเธอทั้งสับสน ทั้งเคว้งคว้าง เหมือนยืนอยู่กลางทะเลที่ถูกคลื่นซัดไปซัดมา ซัดจนล้มครั้งแล้วครั้งเล่า ปัญหามันประดังประเดเข้ามาไม่หยุดหย่อน ราวกับมีใครสักคนจงใจจะแกล้งกันให้ตายไปข้างหนึ่ง
เธอมีความฝันอยากเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยขึ้นชื่อของประเทศไทยที่หนึ่ง ในคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการภาพยนตร์และภาพนิ่ง เธอต้องอ่านหนังสือหนัก เพื่อที่จะยื่นคะแนนเข้าที่นี่ แต่แล้วเธอทำไม่ได้ เธอไม่มีสมาธิมากพอจะทำอะไร เพราะจู่ ๆ ก็ได้รู้ว่าแม่ของเธอป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะที่สอง เธอต้องดูแลแม่ ตอนนั้นจิตใจมันบอบช้ำมาก แม้แต่ BTS ศิลปินที่เธอรัก ก็เยียวยาหัวใจเธอไม่ได้ เธอต้องแบกความฝัน อนาคตของตัวเองเอาไว้ แล้วต้องเห็นแม่ป่วย ร่างกายทรุดโทรมลงทุกวัน เพราะทำคีโม ทนเห็นแม่ผมร่วง จนกระทั่งเห็นท่านต้องโกนผมทั้งน้ำตาเพราะรับสภาพตัวเองไม่ได้ พนันได้เลยว่า เป็นใครก็ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไร เธอเป็นเช่นนั้นค่ะ ผ่านแต่ละวันไปกับการร้องไห้ อยู่กับความหดหู่ เป็นห่วงในความป่วยของแม่ จมกับความผิดหวังที่เข้าเรียนในที่ที่อยากเรียนไม่ได้
นับวันนับวัน ความเศร้า ความหดหู่มันยิ่งกัดกินเธอ มันท้อจนแทบอยู่ต่อไม่ไหว ไหนจะเรื่องแม่ เรื่องที่เรียน เรื่องเพื่อนที่จะต้องแยกย้ายกันไป เรื่องการเงินของที่บ้านพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะหมดไปกับการรักษาแม่ เด็กอายุสิบแปดปีคนหนึ่ง ต้องแบกรับมันไว้ทั้งหมด นอนร้องไห้ทุกคืน อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง เครียดที่สุดแล้วกับชีวิตที่ไม่ได้รู้จะหันไปพึ่งใครที่ไหน หรือระบายให้ใครฟังได้ เพื่อนก็เครียดเรื่องที่เรียนเหมือนกัน พ่อก็ต้องแบกรับภาระ เธอจึงแบกทุกอย่างเอาไว้บนบ่าของเธอ มันหนักอึ้งเต็มไปด้วยเศษซากความรู้สึกที่เจ็บปวด เป็นเวลานานที่เธอแบกมันเอาไว้
คำเตือน : บทความส่วนนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการคิดฆ่าตัวตาย
สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง ตัดสินใจอยากจะละทิ้งโลกบ้าบอนี่ เธอร้องไห้จนตัวสั่นอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม กอดเข่าตัวเอง มองไปรอบ ๆ ห้อง คิดทบทวน รวบรวมความกล้า ‘ไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว’ มันวนอยู่ในหัวซ้ำ ๆ ร้องไห้ฟูมฟาย มันเหนื่อย มันท้อ มันหดหู่ใจ เกินรับไหว
แล้วเธอก็เห็นรูปศิลปินที่เธอรักส่งยิ้มมาให้เธอ โปสเตอร์ที่ติดไว้ตรงผนังห้อง ของสะสมต่าง ๆ ที่ตั้งไว้บนชั้นวางของ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า มันดึงดูดเธอออกมาจากฝันร้ายได้ขณะหนึ่ง คอมพิวเตอร์ยังคงเล่นเพลงไป เธอยังคงร้องไห้ แต่ย้ายตัวเองมาอยู่ที่หน้าจอสี่เหลี่ยม ไม่ เพลงนั้นไม่ได้เลื่อนมาพอดี มันไม่ได้บังเอิญขนาดนั้น เธอเปิดเพลงนั้นขึ้นมา เธอชอบเพลงนี้ แต่ฟังมาเท่าไหร่ความรู้สึกก็ไม่ท้วมท้นเท่าวันนั้น…
ขณะเดียวกันบทเพลงนี้ก็ปลอบประโลมเธอ ด้วยคำพูดที่อยู่บนความเป็นจริง ไม่ได้เอาแต่พูด ปั้นคำสวยหรูขึ้นมา ให้มันไพเราะ แต่พูดว่า….
ท่อนเพลงที่ยกมานี้ ตีความหลังจากอ่านคำแปลจากคลิป Thaisub BTS (방탄소년단) – 2! 3! โดยไม่ได้นำมาเกลาใหม่ แต่เป็นความรู้สึกและความเข้าใจที่มีต่อเพลง
“…เส้นทางในวันข้างหน้ามันโรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ บอกไม่ได้ว่ามันจะเป็นแบบนั้น บอกไม่ได้ว่าโลกนี้มีแต่สิ่งดี ๆ คุณจะพบเจอแต่สิ่งดี ๆ คุณจะไม่เจ็บปวดอีก คำโกหกแบบนั้นพูดออกไปไม่ได้หรอก แต่ถึงอย่างไรก็ขอให้วันข้างหน้ามีวันที่ดีรออยู่นะ จับมือฉันสิแล้วผ่านไปด้วยกัน ไม่เป็นไรนะ พอฉันนับ 1 2 3 แล้วลืมมันไปให้หมดเลยนะ ความโศกเศร้าเหล่านั้น…”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอไม่มีความกล้ามากพอจะทิ้งโลกบ้าบอนี่ไป หรือเพราะบทเพลงนี้กันแน่ ที่ฉุดรั้งเธอออกมาได้ เธอเองก็ไม่แน่ใจ แต่จนถึงทุกวันนี้ เธอก็ยังใช้บทเพลงนี้เป็นเครื่องมือปลอบโยนหัวใจตัวเองทุกครั้ง ยามเมื่อรู้สึกเศร้า ท้อแท้ หรือเสียใจ หมดกำลังใจ
การฟังเพลงนี้อาจทำให้ร้องไห้มากกว่าเดิมก็จริง แต่ไม่ได้ร้องไห้อยู่คนเดียว ไม่ได้ร้องไห้กับความเศร้า แต่เป็นการร้องไห้กับพวกเขา และโดนลูบศีรษะ โอบกอด ได้รับความห่วงใย กำลังใจ คำขอบคุณ ได้ฟังเรื่องราวจากศิลปินที่เรารักต่างหาก เพราะแบบนี้ เพลงของ BTS จึงเป็นมากกว่าท่วงทำนองไพเราะ แต่เป็นดั่งคำปลอบโยน ให้ฉันได้ใช้ชีวิตต่อไป…