BTS’ “My Biography” : V

J-HOPE, SUGA และตามด้วยคนที่สามที่จะมาปรากฎตัวก็คือ V ที่น่ารักผู้มีคาแรกเตอร์ 4 มิติ มาบอกเล่าความทรงจำตั้งแต่สมัยเด็ก จนถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคต และเรื่องราวในอดีต, ปัจจุบัน และอนาคตของตัวเอง

ขี้สงสัยตั้งแต่ยังเล็ก เด็กน้อยที่เติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของคุณย่า 

ผมเกิดที่แทกูที่เดียวกับพี่ชูก้าหลังจากนั้นไม่กี่ปีผมก็ไปอยู่ที่คอชังตั้งแต่ยังเล็กผมเป็นเด็กที่สดใสคุณครูเลยเอ็นดูมากเลยครับเวลาไปเจออะไรดีๆมาก็จะได้รับคำชมว่า “ว้าวเก่งมากเลย!” ผมก็จะดีใจมากเลยตอนนั้นมีเด็กคนนึงที่อยู่ห้องยีราฟด้วยกันที่ผมสนิทผมคิดถึงตอนที่เขาแบ่งลูกอมสีเขียวที่เขาฮิตกันให้ผมครับ

ตอนยังเล็กผมมีความทรงจำกับคุณย่ามากมายเลยครับคุณย่าส่งผมไปโรงเรียนและมารับผมผมรอเวลาคุณย่าออกมารับผมทุกวันเลยครับคุณย่าคอยซื้อชาส้มจากตู้หยอดเหรียญให้ผมตลอดผมดีใจมากเลยครับ

สมัยประถมไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามผมจะเป็นเด็กที่ขี้สงสัยมากผมมีไปนอนบ้านเพื่อนค่ายฝึกเทควอนโดที่ผมไปก็สนุกมากมีเด็กที่โรงเรียนเดียวกันมาเข้าค่ายนี้เยอะก็เลยมีเพื่อนเยอะแยะเลยครับทุกๆวันผมจะไปเล่นอยู่สนามเด็กเล่นกับเพื่อนจนฟ้ามืดเลยครับ

แต่ผมไม่ได้เอาแต่เล่นอย่างเดียวนะผมไปเรียนด้วยครับผมเข้าเรียนตั้งแต่ป.6 จนถึงม.3 ในเรื่องของอาชีพที่ใฝ่ฝันในอนาคตนั้นพออาศัยอยู่ในชนบทก็เลยจินตนาการอะไรไม่ออกนอกจากการทำไร่ทำนาผมเลยคิดว่าต้องเรียนหนังสือให้เป็นเรื่องเป็นราวแต่พอหลงรักดนตรีความคิดก็เปลี่ยนไปครับตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็จะไม่ได้แล้วที่ไปรบเร้าคุณพ่อคุณแม่ว่า “ซื้อ MP3 ให้หน่อยผมก็อยากฟังเพลงมั่ง” ก็เลยได้ฟังเพลงที่โหลดมาเยอะแยะซะทีหลังจบป.6 มาก็เลยมีความฝันอยากจะเป็นนักร้องตอนนั้นเป็นครั้งแรกเลยครับที่มีความฝันที่แน่วแน่

 

เรียนแซ็กโซโฟนกับเรียนเต้นเพื่อเป็นนักร้อง

ผมเริ่มทำอะไรสักอย่างเพื่อไปตามความฝันตอนม.1 ครับพอคุณพ่อถามผมว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร?” ผมตอบไปว่า “อยากเป็นนักร้อง”    สมัยก่อนคุณพ่อก็มีความฝันอยากเป็นนักแสดงพอได้ฟังคำตอบของผมคุณพ่อก็พูดอย่างจริงจังว่า “ถ้าอยากเป็นนักร้องก็ต้องเล่นดนตรีให้เป็นสักอย่างสิ” ผมก็เลยเรียนแซ็กโซโฟนมา 3 ปีได้อาจจะดูเท่นะแต่มันทั้งเจ็บปากแล้วก็หนักก็เลยค่อนข้างลำบากแต่ก็ไปเรียนด้วยความคิดที่ว่า “ถ้าจะเป็นนักร้องก็ต้องเล่นดนตรีเป็น” ด้วยความที่ฝึกฝนอย่างหนักเลยเคยได้รางวัลเหรียญทองในการแข่งขันที่คยองนัมด้วยครับ

ตอนม.ต้นก็ไปเต้น K-Pop ในที่ๆเด็กๆที่ชอบการเต้นเรียกว่าชมรมเต้นไปรวมตัวกันเล่นแซ็กโซโฟนกับเต้นไปด้วยไปเรียนด้วยเนี่ยยุ่งมากๆเลยครับ

ส่วนเวลาที่เหลือก็ไปเล่นบาสกับเพื่อนสนุกมากครับถึงผมจะเล่นไม่เก่งแต่เพื่อนๆชอบเล่นบาสกันมากทำให้ผมชอบไปด้วยก็เลยไปเล่นตลอดครับ

ที่ผมหยุดเล่นแซ็กโซโฟนไปก็เพราะอยากโฟกัสกับการเต้นมากขึ้นเป็นศิลปินแล้วเต้นไม่ได้มันไม่เท่นี่ครับผมอยากเรียนเต้นเป็นเรื่องเป็นราวพอขึ้นม.ปลายก็เลยเริ่มเข้าคลาสเรียนเต้นและพอผ่านไปครึ่งปีก็มีออดิชั่นแบบปิดของ Big Hit มาจัดผมไปดูเพื่อนครับเพราะว่างก็เลยตามไปด้วยผมเต้นกับแรพในออดิชั่นแล้วก็โชว์เลียนเสียงกับเล่นตลกให้ดูด้วยครับผมนึกว่าจะ “ตกรอบ” ซะแล้วแต่เขาก็ติดต่อมาว่าผมผ่านนึกว่าโกหกซะอีกในแทกูมีผมคนเดียวเลยครับที่ผ่าน

 

ความทรงจำกับเมมเบอร์สมัยเป็นเด็กเทรน

ตอนม.4 ผมขึ้นมาอยู่โซลตอนเดือนสิงหาคมเข้าเรียนโรงเรียนศิลปะที่โซลและใช้ชีวิตเป็นเด็กเทรนครับตอนที่ผมเข้าไปมีจองกุก, พี่ชูก้า,        พี่เจโฮป, พี่แรพมอนสเตอร์อยู่ครับผมไม่มีความกลัวคนแปลกหน้าก็เลยสนิทกันทันทีแค่ได้เป็นเด็กเทรนก็รู้สึกดีใจมาก เลยรู้สึกสนุกทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้นการฝึกก็เยอะมากไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กม.ปลายปกติหรอกครับอย่างผมน่ะจำได้แต่ตอนที่อยู่ไม่หอหรือไม่ก็ห้องซ้อมสิ่งที่ตอนนี้ยังจำได้อยู่เลยก็คือตอนที่พวกเราเมมเบอร์ทั้ง 7 คนไปเที่ยวสวนสนุกวันที่ 1 มกราคม ทุกคนพยายามทำเป็นเท่กันก็เลยใส่เสื้อผ้าสีดำไปกันทุกคนสะดุดตามากเลยล่ะครับ (หัวเราะ)

บอกให้รู้เลยครับว่าแฟชั่นของผมถูกจัดแจงจากเสื้อผ้าที่คุณย่าเป็นคนซื้อให้มาตลอดคุณย่าเป็นคนมีเซนส์เลือกเสื้อผ้าให้อย่างดีมาแต่ไหนแต่ไรเลยครับ

หลังวางแผนการเดบิวต์ตัวผมถูกกำหนดให้เป็นอาวุธลับ ก็เลยต้องซ่อนตัวมาจนถึงตอนหลังสุดเลยเพราะอย่างนี้ก็เลยพูดไม่ได้ว่าจะเดบิวต์    มีอึดอัดใจเหมือนกันนะครับเมมเบอร์คนอื่นเขามีงานกันหมดแต่มีผมคนเดียวที่พักผ่อนอยู่หอ…ตอนได้เปิดตัวผมเลยดีใจสุดๆครับปลื้มกับความคิดที่ว่า “ในที่สุดความฝันตั้งแต่ตอนป.6 ก็เป็นจริงซะที!”

BTS เป็นวงแรกและวงสุดท้ายในชีวิตผม ผมอยากขึ้นไปยังที่สูงๆกับเมมเบอร์จนถึงตอนสุดท้ายเลยถ้าสุดท้ายได้ขึ้นไปแล้วผมอยากจะมองย้อนกลับมามองเรื่องราวที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้และบอกกับตัวเองว่า       “ฉันพยายามมาได้ขนาดนี้เชียวนะ” มีความคิดอยากจะลองงานแสดงเหมือนกันนะครับถ้ามีโอกาสแต่ไม่ใช่จะทำไปส่งๆหรอกนะครับถ้าเรียนการแสดงเป็นเรื่องเป็นราวแล้วตัวผมมองว่าตัวเองโอเคเมื่อไหร่ก็อยากจะลองดูสักครังครับ

ที่มา | BTS Japan Official A.R.M.Y Magazine Vol.2
แปลจากญี่ปุ่นเป็นเกาหลีโดย @mondomizel1
แปลจากเกาหลีเป็นไทยโดย CANDYCLOVER

About the Author /

bts.candyclover@gmail.com

I go by the name Candy, a co-founder, admin, designer, translator, writer of and for CANDYCLOVER. I'm a graphic/UI designer and a self-taught Korean translator who's passionate about telling success stories of BTS in the form of mixed media from graphic to web-based experiences. Now, I'm also pursuing my career as a professional Korean translator. My recent book-length translation projects are: I AM BTS (TH Edition), BTS The Review (TH Edition) and more to come!

Post a Comment