Jin (BTS) — ทั้งชีวิตของผมคือ ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในชีวิต

บทสัมภาษณ์ Jin ทาง Weverse Magazine หลังปลดประจำการจากการรับใช้ชาติ

ยินดีกับการปลดประจำการด้วยนะคะ!
ผมยังรู้สึกงง ๆ เหมือนว่ายังเป็นช่วงได้วันหยุดแล้วต้องกลับไปที่กองกำลังอีกรอบ ผมเลยรู้สึกเหมือนยังไม่ได้ปลดประจำการเลยครับ ผมลองถามเพื่อน ๆ ใกล้ตัว เขาบอกว่าความรู้สึกนี้จะหายไปในสองสามเดือน พวกเขาบอก ‘ดูดิ ปลดประจำการแล้วก็ยังโวยวายติดปากว่า ‘อยากกลับบ้าน’ อยู่อีก’ ก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ครับ (หัวเราะ)

ถ้าอย่างนั้นยังคงการใช้ชีวิตตามระเบียบเหมือนตอนที่อยู่ในกองทัพหรือเปล่าคะ?
แน่นอนว่าพอสี่ห้าทุ่มผมก็ง่วงแล้วครับ ผมก็มีนอนดึกเพราะปรับเวลาตามการทำงาน แต่ก็มีตื่นตีห้าด้วย ก็คิดว่าปรับตัวได้เร็วครับ ตอนนี้ผมปลดประจำการมา 8 วันแล้ว มีพักไปวันนึง นอกนั้นก็ทำงานทุกวันเลยครับ

ไม่เหนื่อยเหรอคะ?
ถึงยังไงก็ต้องทำทุกอย่างนั่นแหละครับ ก็ผมเป็นซูเปอร์สตาร์นี่นา (หัวเราะ)

BGM ตอนคุณซูเปอร์สตาร์ Jin ปลดประจำการเป็นเพลง Dynamite ของ BTS ด้วยใช่ไหมคะ? มีคุณ RM ลงมือเป่าแซ็กโซโฟนเองอยู่ข้าง ๆ เลย (หัวเราะ)
อันที่จริงตอนเขาเป่าอยู่ข้าง ๆ ผมไม่รู้ว่าเป็นเพลง Dynamite ด้วยซ้ำ มาดูในเน็ตทีหลังถึงรู้ว่าเป็นเพลงนี้ ด้วยความที่ผมเป็นผู้ช่วยครูฝึก ผมเลยได้ฟังเสียงแซ็กโซโฟนที่อัดไว้โดยวงดุริยางค์ทหารตอนพิธีเข้าฝึกหรือพิธีสำเร็จการฝึกอยู่บ่อย ๆ ตอนนั้นพอปลดประจำการ ผมก็นึกว่าเพลงที่ได้ยินเป็นเพลงนั้น ผมทั้งร้องไห้ และต้องทำวันทยหัตถ์ เพราะมีนักข่าวอยู่ด้านข้างด้วยอะไรด้วย ผมมึนไปหมดก็เลยไม่รู้ พอหันไปข้าง ๆ เห็นนัมจุนก็คิดในใจว่า ‘ไรอ่ะ?’ ก็เป็นสไตล์นัมจุนแหละนะ เพียงแต่เขาแต่งตัวประหลาด ๆ ด้วย! (หัวเราะ) วันนั้นก็เป็นอารมณ์ประมาณว่า ‘ไรอ่ะ? แต่ก็ดีใจที่ได้เจอนะ นัมจูนา ไปกันเหอะ ไปกันเหอะ’

ตอนรับราชการใหม่ ๆ ก็มีคุณ Jin เป็นทหารอยู่คนเดียว พอถึงตอนนี้คุณ Jin ก็กลายเป็นพลเรือนอยู่คนเดียวเสียแล้ว
น้อง ๆ เขาเอาแต่บอกว่าอิจฉาผม ทีมดูแลที่คอยดูแลก็บอกว่าเพิ่งเคยเห็นเมมเบอร์คนอื่นมีแววตาที่อิจฉาจริง ๆ แบบนั้นเป็นครั้งแรก เขาเล่าว่าเห็นเมมเบอร์ทุกคนเป็นแบบนั้นกันหมดเลย ผมเลยไม่ได้ถึงกับขิงอะไร แค่แหย่พวกเขาเยอะเฉย ๆ รีแอ็กมันได้เวลาพวกเขาหัวร้อนมาก ๆ ผมเลยแหย่พวกเขาอยู่ครึ่งชั่วโมงได้”

วันปลดประจำการ คุณกอดคอทหารรุ่นน้องบอกว่า ‘ที่ผ่านมามีความสุขนะ’ ด้วยนี่คะ แสดงให้เห็นว่าคุณทุ่มเทเต็มที่เลย คุณคงเป็นทหารรุ่นพี่ผู้แสนดีที่ทหารรุ่นน้องร้องห่มร้องไห้อย่างกับคุณจะจากโลกนี้ไปเลย
นอกจากรุ่นน้องถัดลงไป 2 ขั้นแล้ว รุ่นน้องที่ถัดลงไป 1 ขั้น 2 ขั้น 3 ขั้นที่อยู่โรงนอนเดียวกับผมก็ร้อง และคนที่โรงนอนผมร้องกันหมดเลย เขาไม่ได้ร้องกันแบบนั้นตลอด แต่ร้องตอนมิตรสหายที่ดีจากไป แต่ผมเนี่ยดังมากกว่าดีครับ (หัวเราะ) พวกผมเป็นผู้ช่วยครูฝึกกัน คนที่ทำหน้าที่ตรงนี้มันน้อยครับ รวมแล้วมี 25 คน ในโรงนอนเดียวกันก็อยู่กันแค่ 6 ถึง 8 คน รุ่นน้องผมอายุห่างจากผมแค่ 4 ปี รหัสเดียวกับโฮบี้ ก็เลยปลดประจำการหลังผมแค่ 4 เดือนเอง แต่ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมาเราผูกพันกันมากครับ

เคล็บลับความดังคืออะไรคะ?
ผมใช้เงินเดือนที่ได้รับจากกองทัพและอื่น ๆ นอกเหนือจากนั้นเลี้ยงข้าวน้อง ๆ ครับ (หัวเราะ) เด็กพวกนั้นบ้างก็เพิ่งอายุ 20 หรือไม่ก็ยังไม่เคยออกไปสู่โลกกว้างทั้งนั้น แต่ผมมีสภาพคล่องเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ค่อนข้างมาก ผมเลยเลี้ยงพวกเขา คิดว่า ‘อย่างน้อยก็ต้องกินของอร่อย ๆ ให้ร่างกายแข็งแรงเข้าไว้ไหมล่ะ มาเหอะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง’ ผมเลี้ยงไก่ทอด ขาหมู พิซซ่า จนคราวหลังพวกเขาเอียนจนกินไม่ลง นอกจากคนที่โรงนอนเดียวกันแล้ว ผมก็พาเด็ก ๆ จากโรงนอนอื่นออกไปเลี้ยงข้าวที่ร้านเนื้อย่างด้วยครับ บางครั้งพวกเขาก็แซวว่า ‘สิบเอกคิมซอกจิน วันนี้เอาแต่นอนอย่างเดียวใช่หรือไม่’ แล้วผมก็จะแบบ ‘เอ็งอยู่โรงนอนไหน วันนี้ว่าจะเลี้ยงข้าวสักหน่อย ไม่เลี้ยงละ เอ็งหลุดโผละ’ แล้วพวกเขาก็จะบอกว่า ‘ผมผิดไปแล้วครับท่าน!’ ผมแกล้งไปแบบนั้นแต่ก็เลี้ยงพวกเขาหมดนะ (หัวเราะ) ก็ไม่ได้อะไรหรอกนะครับ แต่ในกองร้อยเขาเรียกผมว่า ‘พระเจ้า’ ครับ แค่เห็นหน้าผมพวกเขาก็จะ ‘เคารพท่านเดี๋ยวนี้’ (หัวเราะ)

แม้แต่ใน Rolling Paper ที่ในกองทัพเขียนให้คุณในโอกาสปลดประจำการ ก็มีทหารรุ่นน้องเขียนข้อความถึงคุณว่า คุณซื้อข้าวของให้มากมายจนจำไม่ได้เลย เวลาอยู่ในกองทัพ แค่ดูแลตัวเองยังลำบากเลย ด้วยสาเหตุอะไร คุณถึงดูแลทหารรุ่นน้องหรือทหารร่วมรุ่นได้เหรอคะ?
เพราะพวกเขาดีกับผมมาก ๆ ครับ ระหว่างที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในกองทัพผมถึงบอกพวกเขาพร้อมรอยยิ้มตลอดเลยว่า ‘เอาเถอะ ใคร ๆ ก็ทำผิดกันได้ พวกนายไม่ได้ทำเรื่องคอขาดบาดตาย พูดตรง ๆ นะ มันใช่เรื่องเหรอไงที่ฉันจะทำเป็นวางท่าเพียงเพราะฉันเข้ากองทัพมาก่อนพวกนาย 6 เดือน ถึงฉันจะอยู่วงการมา 10 ปีแล้วก็ยังมีเรื่องที่ไม่รู้เยอะแยะ มีเรื่องที่ทำพลาดด้วย ใคร ๆ ก็เป็นกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว’ ผมเคยโมโหแค่ครั้งเดียวครับ

ครั้งเดียวที่ว่านั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอคะ?
ครั้งนั้นมีเด็กคนนึงทำพลาด แต่เขาเอาแต่ทำเป็นเล่นบอกว่า ‘เดี๋ยวผมหาทางจัดการเอง’ ผมเลยบอกเขาไปว่า ‘คนเราผิดพลาดกันได้ ฉันเองก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง และทำผิดพลาดเหมือนกัน แต่เวลารุ่นพี่พูด ๆ อย่างน้อยก็ต้องทำเป็นตั้งใจฟังบ้าง มันใช่เรื่องเหรอที่เอาแต่ทำเป็นเล่นแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้หรอกนะ นิสัยของแต่ละคนก็ต่างกันหมด แต่นายก็ควรรู้เรื่องที่ยังไม่รู้นะ ฉันจะบอกให้นายรู้อีกรอบ เพราะฉะนั้นเลิกทำเป็นเล่นได้แล้ว’

เป็นรุ่นพี่ที่ใจดีอะไรขนาดนั้น! ถึงว่าทำไมเขาถึงเรียกคุณว่า ‘พระเจ้า’ (หัวเราะ)
เพื่อนทหารร่วมรุ่นกับผมก็เก่งมากครับ พอถึงช่วงครึ่งหลังของการใช้ชีวิตในกองทัพ ก็ไม่มีใครโดนจดหมายบอกความในใจ1 เลย แม้แต่การสำรวจระดับความพึงพอใจของผู้บังคับบัญชาและทหารผู้น้อย จากเดิมทีอยู่ที่ประมาณ 38-40% ก็ขึ้นไปถึง 98-99% เลยครับ เขาเลยอิจฉากองร้อยผมกันทั้งนั้น เพราะพวกเราสนิทชิดเชื้อกันมาก

ฉันว่าตอนคุณ Jin ปลดประจำการ ทุกคนคงจะเสียดายกันยกใหญ่ ไม่ใช่แค่ทหารรุ่นน้องแล้วละค่ะ (หัวเราะ) แถมคุณ Jin ยังเป็นหน่วยรบพิเศษอีกด้วยนี่คะ
แต่ละกองกำลังก็ต่างกันออกไปครับ แต่ที่กองกำลังที่ผมอยู่ พวกผมจะได้ฝึกยิงปืนทุกครั้งที่มีทหารเกณฑ์ใหม่เข้ามา พวกผมเลยได้ซ้อมยิง และผมก็ฝึกพวกซิตอัปกับวิดพื้นเองตลอดอยู่แล้ว ทักษะของผมก็เลยพัฒนาขึ้นนิดหน่อย เวลาวิ่งก็ต้องไปวิ่งกับทหารเกณฑ์ใหม่ ซึ่งผู้ช่วยครูฝึกวิ่งรั้งท้ายไม่ได้ พอฝืนวิ่งมากเข้าก็ทำได้ดีขึ้นเยอะเลยครับ ตอนผมพยายามเพื่อจะเอาตราหน่วยรบพิเศษนั้นมา ทหารรุ่นพี่ก็บอก ‘นายห้ามกินข้าวเย็น ไม่งั้นพรุ่งนี้ท้องนายจะกระเพื่อมจนวิ่งไม่ได้’ ทีนี้ผมก็กินไปแค่นิดเดียว พวกเขาก็บอก ‘ไม่ได้ งั้นกินแค่ช้อนเดียวพอ’ พอถึงเช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็บอก ‘นี่คือวันที่นายจะได้ตราหน่วยรบพิเศษมา นับจากนี้ห้ามดื่มน้ำ’ ผมบอก ‘ขออึกนึง’ เขาก็บอก ‘งั้นแค่อึกเดียว’ จากนั้นเขาก็โปรยแผ่นแปะแก้ปวดให้ผม บอกว่า ‘แปะไอ้นี่ไว้ ขานายจะได้ไม่รู้สึกปวดและวิ่งได้คล่อง’

แลดูคุณจะได้รับความรักเยอะเลยนะคะ แสดงว่าคุณ Jin ดีกับทั้งทหารรุ่นพี่และรุ่นน้องเลย
ก็คนมันน่าเอ็นดูนี่ครับ (หัวเราะ)

คุณปลดประจำการมาพร้อมกับความรักที่ได้จากทหารรุ่นพี่รุ่นน้องในกองทัพ และตอนนี้คุณก็กำลังได้รับความรักจากอาร์มี่ แถมคุณยังไปเจอแฟน ๆ เองกับตัวในงาน ‘BTS FESTA’ ที่เพิ่งผ่านมาด้วย
ในกองทัพมีข้อจำกัดมากมาย ข้าวของต่าง ๆ ที่เรามีก็ไม่ใช่ของของเราทั้งหมด บางครั้งผมจึงรู้สึกอึดอัด แต่เวลายืนอยู่บนเวที มีแฟน ๆ อยู่ตรงหน้าเรา ไมค์ก็ไมค์ผม อินเอียร์ก็อินเอียร์ผม ผมเคยสัมผัสบรรยากาศเหล่านี้มาก่อน ผมถึงรู้สึกเหมือนได้กลับมาบ้าน ใคร ๆ ก็คงเคยจินตนาการว่า ‘ถ้าฉันกลายเป็นซูเปอร์สตาร์..’ ‘ถ้าฉันได้รับเสียงเชียร์จากบนเวทีนั้น..’ ผมรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นอยู่แล้ว ผมรู้ว่าพอเวลาผ่านไปอีกหน่อยก็จะค้นพบความรู้สึกนั้นได้อีกครั้ง พอผมได้กลับมาอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกเหล่านั้นในกองทัพ ทำให้ผมรู้เลยว่า ‘นี่ละ ความรู้สึกที่ใจเต้นแบบนี้ ความตื่นเต้นนี้ เสียงเชียร์นี้ (คือความรู้สึกนี้นี่เอง)

ตอนที่ขึ้นเวทีอีกครั้งแล้วได้ยินเสียงเชียร์ ความรู้สึกเป็นยังไงคะ?
แฟน ๆ อาจจะรู้สึกน้อยใจ แต่ผมพยายามกดความรู้สึกนึงไว้มาก ๆ แต่เพราะงาน BTS FESTA จัดขึ้นหลังจากผมปลดประจำการแค่วันเดียวอยู่ดี ผมเลยไม่ได้ซ้อมอะไรมาก ผมไม่ได้ร้องเพลงมานานแล้ว ผมเลยตื่นเต้นเต้นที่ต้องร้องเพลง และผมก็กลัวว่าจะร้องไห้ออกมาเพราะความรู้สึกมันท่วมท้น ผมคิดว่าต้องให้แฟน ๆ ได้ชมการแสดงดี ๆ เพราะฉะนั้นจะมาตื้นตันจนร้องเพลงไม่ได้ได้ยังไง ผมเลยจำใจเปิดอินเอียร์ดัง ๆ เพื่อกดความรู้สึกตื้นตันนั้นไว้ แล้วหลับตาร้องเพลงแรกครับ อันที่จริงเพราะการแสดงครั้งนี้ ผมซ้อม ‘หนิวหวงชิงซินหวาน’2 ด้วยละครับ (หัวเราะ)

ซ้อม ‘หนิวหวงชิงซินหวาน’ คืออะไรคะ?
ผมรู้ตัวว่าหัวใจจะเต้นแรงมากตอนยืนบนเวที ระหว่างที่หมดวันหยุดแล้วกลับไปที่กองทัพ ผมเลยทาน ‘หนิวหวงชิงซินหวาน’ ดักไว้ก่อนเพื่อดูผลว่าทานแล้วจะทำให้คอแห้งไหม จะทำให้ใจไม่เต้นรัวแค่ไหน กลับกลายเป็นว่ามันทำให้ผมคอแห้งมาก ๆ ครับ ผมคิดว่าเป็นแบบนี้อาจจะร้องเพี้ยนได้ก็เลยไปหายาตัวอื่นมาไว้ก่อน พอถึงวันจริงก็กินตัวอื่นที่หามานั่นละครับ แต่ผมก็ใจเต้นโครมครามอยู่ดี

ท่ามกลางความตื่นเต้น คุณก็ยังแสดงเวิร์สสองของเพลง ‘Super Tuna’ ให้ได้ชมกันเป็นครั้งแรกด้วย มีเวลาเตรียมการแสดงแค่วันเดียวเองนี่คะ
ผมได้เวิร์สสองของ ‘Super Tuna’ มาล่วงหน้า และผมก็หมั่นฟังอยู่เรื่อย ๆ อันที่จริงถ้าไปฟังตอนผมร้อง (บนเวที) ก็จะรู้เลยว่าผมตื่นเต้นมาก ๆ (หัวเราะ) อ๊ะ! แล้วก็ตอนนี้ผมกำลังตั้งใจทำอัลบั้มอยู่ด้วย ต้องขอบคุณน้อง ๆ ที่ทำอัลบั้มกันเสร็จหมดแล้วก่อนเข้ากรม แล้วคราวนี้ Jimin ก็จะปล่อยอัลบั้มด้วย ผมเลยคิดว่าผมไม่ควรจะปล่อยอัลบั้มต่อจาก Jimin ช้าเกินไป ก็เลยเร่งเตรียมงานอยู่ครับ ถ้าผมได้ไปออกวาไรตี้ด้วยก็คงจะดี เพราะไม่ได้ปรากฏหน้าให้เห็นมานานแล้ว ผมอยากโชว์ให้อาร์มี่ได้เห็นหน้าผมใหญ่ ๆ เต็มตา ผมก็เลยตั้งใจจับงานโฆษณาที่สามารถใส่หน้าผมบนจอโฆษณาใหญ่ ๆ ด้วยครับ

งาน ‘BTS FESTA’ จัดขึ้นถัดจากวันที่ปลดประจำการ แล้ววันนี้ก็เพิ่งเปิดปลดจำการมาได้ 8 วันเท่านั้นเอง แต่คุณกลับทำทุกอย่างที่ทำไปหมดนั่นเลยน่ะเหรอคะ?
ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำนั่นละครับ เราไม่ได้เลิกหายใจเพียงเพราะอากาศไม่ดีเสียหน่อย (หัวเราะ) ผมคิดว่าถึงสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก ก็ควรทำสิ่งที่ต้องทำอยู่ดี

คุณบอกว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องทำงาน ‘BTS FESTA’ เพื่อที่จะให้งานนี้เกิดขึ้นได้ คุณคงจะต้องเตรียมงานทั้งช่วงวันหยุด ช่วงที่พักผ่อนตอนอยู่ในกองทัพ แถมยังไม่ได้พักทันทีที่ปลดประจำการอีก ขั้นตอนเตรียมงานคงจะไม่ง่ายเลย
ผมรู้สึกกดดันและหนักใจมากครับ เพราะผมไม่ได้อยู่นอกกองทัพหรือได้เตรียมงานในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย เพราะฉะนั้นจึงไม่ง่ายเลยครับ ผมแค่ทำไปด้วยใจรักนี่ล่ะครับ (หัวเราะ)

เพราะใจรักจริง ๆ เลยค่ะ (หัวเราะ) ฉันนึกถึงข้อความที่คุณจินเขียนในจดหมายเดบิวต์ครบรอบ 10 ปีไว้ว่า “มีคำกล่าวที่ว่า พอผ่านไปสิบปี ขนาดแม่น้ำและภูเขายังเปลี่ยนแปลงไป แต่ผมรู้สึกทึ่งจริง ๆ ครับที่ความรักระหว่าง BTS กับอาร์มี่กลับไม่เปลี่ยนแปลง” ขึ้นมาเลยค่ะ
สมมติว่าในอนาคตอันไกล อาร์มี่จากพวกผมไป ถึงยังไงพวกผมก็ไม่มีทางจากอาร์มี่ไปได้ตลอดชีวิตครับ ก็เหมือนกับที่ผมเคยบอกว่าที่นี่เป็น ‘บ้าน’ อาร์มี่เป็นที่ที่มั่นคงสำหรับพวกผม ในขณะที่ผมขอร้องอาร์มี่ว่า ‘พวกผมจะทุ่มเทเต็มที่เสมอ เพราะฉะนั้นอาร์มี่ได้โปรดอยู่กับพวกผมไปนาน ๆ’ ในเวลาเดียวกัน ผมก็อยากบอกว่า ‘ขอบคุณที่รอคอย’ ด้วยครับ

คุณทุ่มเทเต็มที่ทุก ๆ ครั้ง ทุก ๆ วันตลอดระยะเวลา 11 ปีได้ยังไงคะ?
เพราะ BTS รักอาร์มี่มาก ๆ ไงครับ เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่คนเราจะทุ่มเทเต็มที่เพื่อคนที่เรารัก ลองนึกถึงความรู้สึกเวลาที่ใครคนหนึ่งชอบใครสักคน เราย่อมทุ่มเทเต็มที่เพื่ออีกฝ่าย พวกผมเองก็เช่นกัน ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอครับ

เป็นเรื่องปกติ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจไม่ใช่เรื่องปกติก็ได้นี่คะ เพราะถึงแม้จะรักมากและทุ่มเทเต็มที่ แต่บางครั้งก็มีเรื่องของลำดับความสำคัญอื่น ๆ ในชีวิตด้วย
แม้แต่ตอนปลดประจำการ ผมเลื่อนนัดทุกอย่างเพื่อไปหาแฟน ๆ ผมบอกกระทั่งครอบครัวและเพื่อน ๆ รอบตัวไว้ล่วงหน้าเลยว่า ‘ผมต้องเจออาร์มี่ เพราะฉะนั้นสัปดาห์นี้ ขอเลยว่าอย่าเพิ่งชวนจัดปาร์ตี้ปลดประจำการ’ ถึงแม้คนรอบตัวจะบอกกันใหญ่ว่า ‘นายปลดประจำการแล้วก็ต้องพักสิ’ ‘นัดกันหน่อย’ แต่พอผมปลดประจำการมาวันพุธ ผมไม่ตกปากรับคำกับใครไปจนถึงวันอาทิตย์เลย เพราะไว้เจอกันทีหลังก็ยังได้ถูกไหมครับ ผมคิดว่าการไปหาแฟน ๆ ควรจัดอยู่ในความสำคัญลำดับแรก และเป็นสิ่งแรกที่ผมควรขอบคุณก่อนสิ่งอื่นใด เป็นเรื่องปกติเลย พวกผมเป็นแบบนี้ตลอดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตอนนี้ทุกคนจึงมองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะคนที่สนับสนุนผม ทำให้ผมมีความสุขได้ก็คืออาร์มี่ จึงเป็นเรื่องปกติที่ผมต้องมองว่าจะนัดหมายกับอาร์มี่ก่อนใครอื่นเพราะพวกเขาเป็นคนที่สำคัญในชีวิตผมครับ

ฉันมองว่าการที่ความตั้งใจนี้ของพวกคุณไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยตลอดระยะเวลา 11 ปีเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ทีเดียว
เวลาผมรู้สึกว่า ‘ตอนนี้ฉันมีความสุขมากเลย ต้นตอแห่งความสุขนี้มันคืออะไรกันนะ’ แล้วมองไปรอบตัว สุดท้ายแล้วผมก็มีความสุขเพราะ BTS นี่ละครับ แต่พอลองหาเหตุผลที่ BTS มีตัวตนขึ้นมาดูแล้ว สุดท้ายก็เป็นเพราะอาร์มี่นี่ละครับ คิด ๆ ดูแล้ว ผมรักอาร์มี่มาก ๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วก็จริง แต่ผมกลับรักพวกเขามากขึ้นไปอีก และผมก็อยากให้พวกเขายิ้มได้มากขึ้นสักนิด ผมถึงได้ทุ่มเทเพื่ออาร์มี่ครับ 

ย่อมเป็นเรื่องปกติที่คุณ Jin จะรักและชื่นชมในตัวอาร์มี่ แต่ในขณะเดียวกันคุณกลับยิ่งพยายายามที่จะไม่ทำเหมือนการได้รับความรักจากอาร์มี่เป็นของตายด้วย
ที่มีใครสักคนมาชื่นชอบผม ที่ทหารคนอื่น ๆ ด้วยกันในกองทัพเข้าหาผมด้วยมิตรไมตรี ที่บางทีผมได้กินฟรีเวลาไปกินข้าว ที่ผู้คนทำดีกับผมก็เพราะผมเป็น BTS นี่ละครับ แน่นอนว่าอาจจะเป็นเพราะผมหล่อด้วย (หัวเราะ)

สำหรับคุณ Jin แล้ว ความสุขหมายถึงอะไรคะ? คุณเคยตอบคำถามที่ว่า ‘ณ ช่วงเวลาที่สวยงามในตอนนี้จะมีอะไรอยู่ที่ปลายทาง’ ว่า ‘ถ้ามีช่วงเวลาที่สวยงามที่สุด (화양연화 ฮวายังยอนฮวา) ครั้งนี้ แสดงว่าต้องมีช่วงเวลาที่สวยงามครั้งอื่นอยู่ด้วย’ แต่ในขณะเดียวกัน คุณก็ภาวนาให้ ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุด ณ ตอนนี้ไม่สิ้นสุดลงไป
ผมตกลงปลงใจแล้วจะไม่คิดแบบนั้นแล้วครับ (หัวเราะ) เพราะถ้าผมมองว่าฮวายังยอนฮวาคือ ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในชีวิต แสดงว่าพอช่วงเวลาสวยงามที่สุดจบลงไป หลังจากนั้นชีวิตก็คงไม่สวยงามเท่าไร กลับกัน ผมไม่ได้จู่ ๆ ตกระกำลำบาก ตอนนี้ชีวิตผมสวยงาม และผมก็พอใจดี แล้วผมจำเป็นจะต้องคิดถึงอนาคต หรือช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดครั้งถัดไปด้วยเหรอ ผมไม่มีความจำเป็นจะต้องคิดว่า ‘ตอนนี้ผมเป็นคนดังระดับโลกก็จริง แต่ต่อให้วันหน้าผมกลายเป็นคนดังแถวบ้าน คนดังในบ้าน ตราบใดที่ผมมีความสุขก็เพียงพอแล้ว สุดท้ายแล้วพอถึงตอนนั้น ผมจะกลายเป็นคนตกอับดับโชคหรือเปล่า ที่ผ่านมาตอนนั้นคือช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในชีวิตหรือเปล่า’ ต่อให้ผมคงชีวิตไว้แบบนี้แล้วกลายเป็นคนดังในบ้านในวันข้างหน้า ถ้าผมมีความสุขก็แสดงว่านั่นคือช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในชีวิตของผมแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ผมจึงตกลงปลงใจที่จะมองว่า ทั้งชีวิตของผมคือช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในชีวิตครับ

หากช่วงเวลาที่สวยงามที่สุด ไม่ใช่แค่ช่วงใดช่วงหนึ่ง แต่คงอยู่ตลอดไป ณ ช่วงเวลานี้ของคุณ Jin เป็นแบบไหนคะ?
ผมมีความสุขอยู่เสมอเลยครับ (หัวเราะ)

1 ระบบรายงานความไม่ถูกต้องหรือเรื่องทุกข์ร้อนถึงผู้บังคับบัญชาในกองกำลังแห่งเกาหลีใต้
2 หนิวหวงชิงซินหวาน (牛黄清心丸) เป็นสมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณช่วยสงบอารมณ์ คลายความกังวล

ที่มา | Weverse Magazine
แปลและเรียบเรียงจากเกาหลีเป็นไทยโดย CANDYCLOVER

DMCA.com Protection Status

ทาง CANDYCLOVER มีความยินดีหากผู้อ่านเล็งเห็นประโยชน์ของคอนเทนต์นี้ และต้องการนำไปประกอบเอกสารหรือสื่อทางการศึกษา เผยแพร่ต่อบนโซเชียลมีเดีย รวมถึงนำไปผลิตของที่ระลึก เช่น Giveaway สำหรับแจกฟรี มิใช่การจัดจำหน่าย

หากต้องการนำข้อมูลไปใช้อ้างอิง กรุณาติดต่อทางอีเมลล์ bts.candyclover@gmail.com และรอการตอบกลับที่ระบุว่าอนุญาตแล้วเท่านั้น ยกเว้นกรณีการนำข้อมูลที่ “แปล เรียบเรียง หรือจัดทำโดย CANDYCLOVER” ไปรีโพสต์ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ รีโพสต์บนแฟนเพจ เว็บไซต์ หรือเว็บบอร์ด ที่มิใช่แพลตฟอร์มของ CANDYCLOVER พร้อมใส่เครดิตเองโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงนำไปเป็นคอนเทนต์ทางสื่อโทรทัศน์ หรือกระทำการใด ๆ ก็ตามที่เข้าข่ายแอบอ้างผลงาน หากพบเห็นจะดำเนินคดีทางกฎหมายให้ถึงที่สุด

หากท่านชื่นชอบคอนเทนต์ที่ CANDYCLOVER นำเสนอ สามารถให้การสนับสนุนพวกเราได้ง่าย ๆ เพียง 1.) ไม่สนับสนุนแอคเคาต์ที่แอบอ้างข้อมูลที่แปลโดย CANDYCLOVER 2.) รีพอร์ตแอคเคาต์ดังกล่าวผ่านระบบของแพลตฟอร์มที่ท่านพบเห็นโพสต์ที่เข้าข่าย โดยเลือกหัวข้อ “ละเมิดลิขสิทธิ์” 3.) สนับสนุนค่ากาแฟทาง Ko-fi หรือ Patreon

About the Author /

bts.candyclover@gmail.com

I go by the name Candy, a co-founder, admin, designer, translator, writer of and for CANDYCLOVER. I'm a graphic/UI designer and a self-taught Korean translator who's passionate about telling success stories of BTS in the form of mixed media from graphic to web-based experiences. Now, I'm also pursuing my career as a professional Korean translator. My recent book-length translation projects are: I AM BTS (TH Edition), BTS The Review (TH Edition) and more to come!