คิม นัมจุน — ความหลงใหลคือศิลปะในการค้นหาความหมายของชีวิต
เมื่อกล่าวถึง คิมนัมจุน แล้ว สิ่งที่เรานึกภาพออกนอกจากการเป็นลีดเดอร์ของ BTS แล้วก็คือ ความหลงใหลในงานศิลปะเป็นชีวิตจิตใจ คุณค่าและความหมายของผลงานแต่ละชิ้นคือชีวิตและจิตวิญญาณที่ศิลปินเจ้าของผลงานบรรจงสร้างสรรค์ขึ้นมา ผลงานศิลปะแต่ละชิ้นจึงมีคุณค่าและความหมายเฉพาะตัว เฉกเช่นชีวิตของเราแต่ละคน
พี่จิน เปรียบเสมือนพลังงานแห่งความสุข ส่วน นัมจุน นั้นเปรียบเสมือน สัญลักษณ์แห่งการค้นหาความหมายของชีวิต เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่า นัมจุน นั้นหลงใหลในผลงานศิลปะเป็นชีวิตใจ
จุดที่น่าสนใจตามมุมมองของผู้เขียน นอกเหนือไปกว่าความหลงใหลแล้วนั้น หากมองลึกเข้าไปแล้วจะสังเกตได้ว่าดูเหมือนว่าเขาจะมีความสุขกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบ ๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็นดอกหญ้าที่กำลังเบ่งบาน ปูตัวเล็ก ๆ ในทะเล ท้องฟ้า และบรรยากาศต่าง ๆ รอบ ๆ ตัว ฯลฯ
จึงดูเหมือนว่าภาระหนักอึ้งที่เขากำลังแบกไว้ ถูกเยียวยาด้วยความงดงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น ดูเหมือนเขาจะสบายใจจากความงดงามของสิ่งรอบ ๆ ตัวได้ และเข้าใจมันด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งบางอย่าง และดูเหมือนว่าการเลือกที่จะชื่นชมในความงดงามในสิ่งรอบ ๆ ตัว ช่วยให้เขาเกิดความสงบขึ้นภายในจิตใจ จึงส่งผลทำให้เขาสามารถรับแรงกระทบจากความจริงอันโหดร้ายของสังคมได้ดีขึ้น
จากจุดนี้พอลองมานั่งนึกดูก็พบว่า เอ่อเนอะ ! จริง ๆ แล้วชีวิตของเราแต่ละคนก็เปรียบเสมือนผลงานศิลปะเหมือนกันนี่หว่า เราสามารถหาความหมายจากสิ่งเล็ก ๆ ที่เราทำลงไปได้ แม้จะพูดง่าย แต่ความเป็นจริงแล้วจะลงมือทำไม่ง่ายนักก็ตามเถอะ แต่การพยายามฝึกฝนตัวเองให้ใช้ชีวิตในทางที่ควร จะช่วยเรามองเห็นความหมายของการใช้ชีวิตของตัวเองได้
ชิ้นผลงานที่มีตัวเราเป็นศิลปินกำกับ ความยากง่ายของชีวิตของเราแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไปตามบริบท ไม่ว่าตอนนี้เราจะยืนอยู่ ณ จุดใดของชีวิต อาจจะเป็นนักเรียน วัยทำงาน หรือ แม้กระทั่งวัยย่างเข้าสู่วัยชรา ในแต่ละจุดยืนล้วนมีอุปสรรคและความงดงามในแบบของตัวเอง
ความพิเศษของชีวิตคือ เราไม่มียางลบ เมื่อเราพลาดพลั้งขึ้นมา ความผิดนั้นจะติดอยู่กับตัวของเรา ส่วนเราเองมีหน้าที่ต้องลงมือสร้างเส้นทางชีวิตขึ้นมาใหม่ ค้นหาสิ่งที่ทำให้หลงใหล ทำในสิ่งที่หลงใหลจนกว่าจะได้คำตอบว่า “ฉันจะใช้ชีวิตอย่างมีความหมายไปเพื่ออะไร”
ในบางครั้งเราก็ต้องซูมเข้าไปดูเส้นทางชีวิตของตัวเอง เพื่อจะได้มองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนขึ้น ในทางกลับกัน เมื่อรู้สึกหดหู่ เราต้องถอยกลับมาดูภาพรวม กางเส้นทางชีวิตออกมาดู ประหนึ่งเรากำลังมองดูแผนที่โลก เมื่อเราถอยออกมาเราจึงจะเห็นว่าที่ผ่านมาเราได้ทำดีที่สุดเท่าที่เราสามารถทำได้แล้ว ถ้าสามารถเลือกทำสิ่งที่ดีกว่านั้นได้เราคงจะลงมือทำทันทีโดยไม่ลังเล
เรามีความผิดพลาดในชีวิต ที่เป็นดั่งหลุมดำที่คอยกัดเซาะพื้นที่ความสุขในจิตใจ และเรายังมีความสดใสในตัวเรา ที่เปรียบเสมือนดั่งแสงสว่าง ทำให้สามารถมองเห็นความงดงามของรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตได้ชัดเจนขึ้น
ทั้งความผิดพลาดและความสดใส ต่างก็สั่งสมเป็นเรื่องราว ทำให้ชีวิตของเรามีความหมายขึ้นเฉพาะตัว จึงทำให้ผลงานศิลปะที่เรียกว่าชีวิตของเราแต่ละคน ไม่สามารถที่จะตัดสินได้จากภาพความงดงาม แต่คุณค่าของมันอยู่ที่ความหมายในรายละเอียดแต่ละจุด อาจจะไม่งดงามอย่างที่ใครหลายคนคาดหวังไว้ แต่การได้ค้นพบความสบายใจและได้ใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในพื้นที่ของตัวเองก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่สุดในชีวิตแล้วล่ะ
ไม่มีอะไรไร้สาระเกินไปหรอกนะ หากเราหาสาระจากมันได้ ความหลงใหลไม่มีผิด ไม่มีถูก หากสิ่งนั้นไม่ทำให้คนอื่น และ ตัวเราเองเดือดร้อน และในหนังสือ ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวพอที่จะอยู่อย่างอดทน ผู้เขียนคือ คุณซูซูกิ ยูซึเกะ ยังแนะนำใหเราตามหาคอนเทนต์ที่เยียวยาจิตใจเรา ให้เราใช้เวลาแค่วันละ 1 นาที่ เพื่อค้นหาสิ่งที่เราทำแล้วรู้สึกสนุกและสบายใจได้อย่างแท้จริง อาจจะเป็นการ์ตูนสักเรื่อง หนังสือสักเล่ม จากความสบายใจ ส่งต่อให้เกิดความหลงใหล ความหลงใหล ส่งผลให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย
จากความหลงใหล บางคนอาจจะเป็นนักเล่าเรื่องที่เก่งกาจซึ่งเกิดจากความหลงใหลในการฟัง บางคนอาจจะเป็นนักแปลหนังสือได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเกิดจากความหลงใหลในความสวยงามของภาษา ความหลงใหลในภาพถ่ายทำให้ บางคนสามารถเล่าเรื่องราวผ่านภาพถ่ายแค่ใบเดียว และอีกหลาย ๆ คน อีกหลาย ๆ ความหมายของชีวิตที่เกิดจากความหลงใหลที่ตัวเองค้นพบ
- ความหลงใหลในเสียงเพลงและการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต จึงก่อให้เกิดผลงานศิลปะชิ้นเอกที่มีนามว่า BTS ขึ้นมา โดยมีบรรดาเหล่า ARMY ที่แลเห็นคุณค่าของผลงานศิลปะชิ้นนี้
- ความหลงใหลในผลงานของศิลปะกับการชื่นชมในสิ่งรอบ ๆ ตัว ถึงแม้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยก็ตาม ทำให้ นัมจุน ใช้ชีวิตและสร้างสรรค์ผลงานอย่างมีความหมาย
- และสำหรับผู้เขียนเอง มีความหลงไหลในการแสวงหาความสุขเล็ก ๆ จากสิ่งรอบ ๆ ตัว โดยผู้เขียนมี บังทัน ฯ และเพื่อน ๆ อาร์มี่ เป็นเพื่อนร่วมเดินทาง มีความสุขทุกครั้งที่เห็นเสียงเล็ก ๆ จากอีกฝากหนึ่งเปล่งประกายความงามออกมา แสงที่ไม่แก่งแย่ง แต่เป็นการแบ่งปัน
- และหวังว่าเราแต่ละคนจะค้นพบและหาความหมายของชีวิตจากสิ่งที่เราหลงใหลได้ในไม่ช้า
“ชีวิตคือซุป ส่วนฉันคือส้อม” (บางช่วงบางตอนจากไลฟ์ใน Weverse) อย่างที่ นัมจุน ได้กล่าวไว้แล้วถึงแม้จะไม่ง่ายที่จะใช้ส้อมในการตักซุป แต่อย่างน้อยเรายังได้ลิ้มรสชาติความอร่อยของซุปจากปลายส้อม แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
เช่นกันแม้การใช้ชีวิตอย่างมีความหมายไม่ได้ง่ายนัก บนโลกแห่งการตัดสินใบนี้ แต่ถ้าหากได้ค้นพบความหมายของการมีชีวิตจากสิ่งที่เราหลงใหลแล้ว แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ หรืออาจจะเป็นช่วงบั้นปลายชีวิตก็ตาม ถ้าได้ใช้ชีวิตอย่างความหมายแล้วนั้น ก็คุ้มค่าแล้วหากเราต้องจากโลกนี้ไปในสักวันหนึ่ง
“เพราะชีวิตที่มีความหมาย คือ ชีวิตที่มีความสุข”
-นิ้วกลม-
เขียนโดย: I AM LUCKY 23
